xs
xsm
sm
md
lg

สร้างกรงขังจีน ! เจรจา“ภาษีการค้าทรัมป์” แต่เกมนี้ “สี จิ้นผิง” พร้อมเล่นด้วย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ภาพธงชาติจีนและสหรัฐฯ - ภาพ : รอยเตอร์
หากโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา ทำข้อตกลงภาษีศุลกากรหรือภาษีนำเข้ากับชาติคู่ค้าได้สำเร็จ ความสามารถของสี จิ้นผิง ผู้นำจีนในการใช้ตลาดเอเชียพยุงเศรษฐกิจแดนมังกร ซึ่งทุกวันนี้ขับเคลื่อนด้วยการส่งออกและกำลังตึงเครียดก็จะถูกควบคุมกักขังอยู่ภายในกรงเหล็ก ที่สร้างขึ้นมาด้วยข้อตกลงเหล่านั้น
 
ทรัมป์กำลังจุดชนวนความตึงเครียดกับจีนขึ้นมาอีกครั้ง !


กรอบการทำงานเพื่อปูทางไปสู่การทำข้อตกลงการค้าในอนาคต ซึ่งบรรลุร่วมกันที่กรุงลอนดอนเมื่อเดือนมิถุนายนเป็นเพียงภาพลวงตา


นีล เชียริง นักเศรษฐศาสตร์ของ Capital Economics สะกิดว่า สิ่งที่พวกเรากำลังเห็นอยู่นี้ไม่ใช่สงครามการค้าที่กำลังผ่านไป แต่เป็นการปรากฏตัวของการแข่งขันของมหาอำนาจ ที่ก้าวลึกและทนทานยิ่งกว่าเดิมระหว่างชาติเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลกทั้งสอง
 

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ขณะเดินทางมาถึงงาน One Big Beautiful ที่ทำเนียบขาว กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2568 - ภาพ : รอยเตอร์
อังกฤษและเวียดนามทำข้อตกลงในการเจรจาต่อรองภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ อัตราใหม่ที่สูงลิ่วได้สำเร็จเป็นชาติแรก ๆ มีผลบังคับใช้ไปแล้วและกลายเป็นแม่แบบสำหรับแผนการทุบอำนาจการค้าของจีนให้อ่อนแอลง

ตอนนี้ทรัมป์กำลังนำเอเชียทั้งหมดมาวุ่นวายยุ่งเหยิงอยู่กับการเจรจาต่อรอง โดยนอกจากญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ที่ถูกประกาศจัดเก็บในอัตราใหม่ ทรัมป์ยังขู่รีดภาษีชาติแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มาเลเซีย 25 % อินโดนีเซีย 32 % ไทยและกัมพูชา 36 % ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคมเป็นต้นไป หากไม่รีบทำข้อตกลงตามข้อเรียกร้องของตนภายในสามสัปดาห์ข้างหน้า


ข้อตกลงกับอังกฤษเผยให้เห็นเครื่องมือที่ทำเนียบขาวจะใช้เพื่อ “ยับยั้ง” การลงทุนของจีนบนแดนผู้ดี


ส่วนข้อตกลงกับแดนแหนมเนือง ซึ่งทรัมป์มุ่งสกัดสินค้าจากจีนเข้ามาสวมสิทธิ์ส่งไปสหรัฐฯผ่านทางเวียดนามเพื่อหลีกเลี่ยงภาษี ก็ถือเป็นความสำเร็จของแผนการ


เวียดนามมีการนำเข้าสินค้าประเภทเครื่องจักรและเครื่องใช้ไฟฟ้าจากจีนเพิ่มสูงอย่างต่อเนื่อง จึงไม่ต้องสงสัยว่าเหตุใดจึงมีโอกาสเจรจาทำข้อตกลงกับทรัมป์เป็นอันดับต้น ๆ


ทรัมป์มีวิธีกำราบด้วยการเก็บภาษีสินค้า “เมด อินเวียดนาม” 20 % แต่ถ้า “เมด อิน ไชน่า”ก็จะถูกรีด 40 % ซึ่งเพิ่มขึ้น 2 เท่า


ประธานาธิบดีจีน สีจิ้นผิง เลขาธิการคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน และประธานคณะกรรมาธิการการทหารกลาง พูดคุยกับนักเรียนและเจ้าหน้าที่ ณ หอรำลึกการรณรงค์กองทหารร้อยกองพลในช่วงสงครามต่อต้านการรุกรานของญี่ปุ่น ขณะตรวจเยี่ยมเมืองหยางเฉวียน มณฑลซานซี ทางตอนเหนือของจีน เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2568  - ภาพ : ซินหัว
แน่นอนว่าข้อเรียกร้องของทรัมป์กับชาติที่ยังตกลงกันไม่ได้จะมีมาตรการแบบเดียวกับเวียดนามรวมอยู่ด้วยเพื่อกดดันจีนหนัก ๆ

เศรษฐกิจจีนต้องกระตุ้นให้เติบโตด้วยการอัดฉีดเงินอุดหนุน และการลงทุนในภาคการผลิต เพราะภาคครัวเรือนไม่ใช้จ่ายมากพอที่จะให้การบริโภคเป็นพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ประธานาธิบดีสีจิ้นผิงพยายามรักษาจีดีพีให้โตอย่างน้อย 5 % ต่อปี การส่งออกไปเอเชียจึงสำคัญ


บริษัทจีนไม่สามารถขายสินค้าในประเทศได้ก็ต้องส่งไปขายในต่างประเทศ เดวิด ลูบิน นักวิจัยอาวุโสแห่งสถาบันคลังสมอง Chatham House ระบุ มิเช่นนั้นจะเกิดปัญหาอุปทานล้นตลาด


แม้ว่าการส่งออกของจีนไปสหรัฐฯ ลดลงกว่า 40 % จากปีที่แล้ว แต่การส่งออกโดยรวมทั้งหมดในทั่วโลกเพิ่มขึ้นเกือบ 5 % โดยในส่วนการส่งออกไปยัง 10 ชาติอาเซียนเพิ่มขึ้น 15 %


จีนถูกกลยุทธ์ทรัมป์บีบหนักขึ้นทุกที เห็นได้จากการที่ปักกิ่งออกมาวิจารณ์ข้อตกลงการค้าสหรัฐฯ-เวียดนามอย่างแข็งกร้าว


โลโก้ของบริษัทฟ็อกซ์คอนน์ที่ด้านนอกอาคารในกรุงไทเป ของไต้หวัน - ภาพ : รอยเตอร์
แต่ดูเหมือนว่าเกมนี้พญามังกรก็พร้อมแล้วที่จะเล่นไม้แข็งกับพี่กัน

หนึ่งในตัวอย่างการออกหมัดมวยจีน


ตามรายงานข่าวเมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา มีการเรียกวิศวกรและช่างเทคนิคชาวจีนหลายร้อยคนกลับแดนมังกร คนเหล่านี้ทำงานในส่วนภารกิจหลักของโรงงานผลิตไอโฟนบริษัทฟ็อกซ์คอนน์ของไต้หวันที่อินเดีย


ก็แดนภารตะรอเสียบตำแหน่งซัปพลายเออร์หลักในการผลิตไอโฟนให้บริษัทแอปเปิลของอเมริกาแทนจีนมิใช่หรือ?


ตามรายงานของสำนักข่าวบลูมเบิร์ก ปักกิ่งยังได้แจ้งอย่างไม่เป็นทางการให้บริษัทต่างๆ รวมถึงหน่วยงานกำกับดูแลหยุดการส่งออกอุปกรณ์ บุคลากร และองค์ความรู้สำคัญไปยังอินเดียและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งดูเหมือนว่าเพื่อหยุดยั้งไม่ให้บริษัทข้ามชาติ เช่น แอปเปิล สามารถย้ายฐานการผลิตออกไปจากจีนได้อย่างรวดเร็ว


การใช้กลเม็ดกับฟ็อกซ์คอนน์อาจไม่สะท้านเท่าภาษีทรัมป์ แต่ก็แสดงให้เห็นว่าสีจิ้นผิงกำลังเล่นเกมนี้อยู่


ประธานาธิบดีสีจิ้นผิง ผู้นำจีน เลขาธิการคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน และประธานคณะกรรมาธิการทหารกลาง ถ่ายภาพร่วมกับพนักงานของบริษัท Yangquan Valve Co., Ltd. ในเมืองหยางเฉวียน มณฑลซานซี ทางตอนเหนือของจีน ระหว่างการตรวจเยี่ยมบริษัทแห่งนี้เมื่อวันจันทร์ที่ 7 กรกฎาคม 2568 - ภาพ : ซินหัว
ในความเห็นของลูบินแห่งChatham House ข้อได้เปรียบของสีจิ้นผิงก็คือการที่เขาเริ่มลงมือทำอะไรมากมายอย่างมโหฬารล่วงหน้าก่อนคนอื่น จีนจึงอยู่ในตำแหน่งที่เกือบไม่มีใครเทียบชั้นได้ในอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น แผงโซลาร์เซลล์ รถยนต์ไฟฟ้า แบตเตอรี่ และที่สำคัญสุดก็คือ แร่ธาตุหายากและแม่เหล็ก

ทรัมป์ยอมถอยกรูดกับคำขู่ภาษีสุดหฤโหดก็เพราะตัวช่วยในการเจรจานี้ ซึ่งยังอาจช่วยบรรเทาผลกระทบจากกรงเหล็กของทรัมป์ได้อีกด้วย


ลูบินอธิบายยุทธศาสตร์ของสีจิ้นผิงว่า เป็นการแยกห่วงโซ่อุปทานจากสหรัฐฯ อย่างไม่สมดุล ( asymmetric decoupling)” ด้วยการสร้างให้จีนกลายเป็นศูนย์กลางการผลิตที่ยิ่งใหญ่ ซึ่งทำให้โลกต้องพึ่งพาจีนมากขึ้น


“และนั่นทำให้จีนมีอำนาจต่อรอง” ลูบินกล่าว


คำถามตอนนี้ก็คืออำนาจต่อรองของสีจิ้นผิง ซึ่งได้แก่การผูกขาดในภาคส่วนสำคัญบวกกับเงินที่โปรยปรายให้ชาติพันธมิตรในเอเชียจะเพียงพอหรือไม่ในการรับมือกับภัยคุกคามด้านภาษีอันยากจะต่อกรของทรัมป์


นั่นคือสิ่งที่ชาติในเอเชียจะต้องตัดสินใจตอบในตอนนี้


ข้อมูลจาก “Trump has found a way to cut out China” ในเดอะ เทเลกราฟ



กำลังโหลดความคิดเห็น