รัฐบาลจีนสาบานเอาคืน“การปิดล้อมทางเทคโนโลยี” ของไต้หวัน หลังจากเกาะมังกรน้อยซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของแดนมังกร บังอาจขึ้นบัญชีดำบริษัทหัวเว่ยเทคโนโลยีส์ และเซมิคอนดักเตอร์ แมนูแฟกเจอริ่ง อินเตอร์เนชันแนล คอร์ป (SMIC)
จู เฟิงเหลียน โฆษกสำนักงานกิจการไต้หวันยืนยันระหว่างการแถลงข่าวตามปกติเมื่อวันพุธ (25 มิ.ย.) ว่า จีนจะดำเนินมาตรการที่ทรงพลังเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยในการแลกเปลี่ยนทางเศรษฐกิจและการค้าระหว่างช่องแคบไต้หวัน หลังจากผู้สี่อข่าวสอบถามกรณีความเคลื่อนไหวดังกล่าวของไต้หวัน อย่างไรก็ตาม โฆษกมิได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับมาตรการตอบโต้
เมื่อสัปดาห์ที่แล้วรัฐบาลไต้หวันกระโดดร่วมวงกับสหรัฐอเมริกา ซึ่งดำเนินมาตรการสกัดจีนเข้าถึงชิปขั้นสูงมานานหลายปีแล้ว เพื่อหยุดยั้งความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีของพญามังกร โดยเพิ่มชื่อบริษัทผู้นำด้านปัญญาประดิษฐ์ ( เอไอ ) และการผลิตชิปของจีนทั้งสองแห่งไว้ในรายชื่อนิติบุคคลที่อยู่ภายใต้ข้อจำกัดทางการค้า ( entity list )
บริษัทที่ถูกขึ้นบัญชีไม่สามารถทำธุรกิจกับบริษัทของไต้หวันได้ หากไม่ได้รับอนุญาต นับเป็นครั้งแรกที่รัฐบาลไต้หวันขึ้นบัญชีดำบริษัทรายใหญ่ของจีน
มีแนวโน้มว่าภายในใต้ข้อจำกัดใหม่นี้ หัวเว่ยและ SMIC จะไม่สามารถเข้าถึงเทคโนโลยีการก่อสร้างโรงงาน วัสดุ และอุปกรณ์ที่จำเป็นในการสร้างชิปเอไอ ซึ่งเป็นชิปอย่างที่บริษัท TSMC ของไต้หวันผลิตให้กับบริษัทเอ็นวิเดีย
โฆษกจูประณามการตัดสินใจของไต้หวันว่า เป็นสิ่งที่ “น่ารังเกียจ” และแสดงให้เห็นถึงความจงรักภักดีที่ประธานาธิบดีไล่ชิงเต๋อมีต่อรัฐบาลสหรัฐฯ
รัฐบาลของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์เคยเรียกร้องให้ไต้หวันควบคุมการส่งออกชิปไปยังจีนให้มากขึ้น ตามรายงานของสำนักข่าวบลูมเบิร์กที่ผ่านมา
“ ความพยายามแยกห่วงโซ่อุปทานออกจากกันจะไม่ทำให้การยกระดับอุตสาหกรรมบนแผ่นดินใหญ่มีความคืบหน้าล่าช้า” โฆษกจูระบุ พร้อมกับกล่าวเสริมว่าการกระทำดังกล่าวมีแต่จะทำลายความสามารถในการแข่งขันของบริษัทไต้หวันและเศรษฐกิจของเกาะแห่งนี้เท่านั้น
ข้อมูล : บลูมเบิร์ก