"หลี่อีหาน" หญิงชาวปักกิ่งวัย 36 ปี ตัดสินใจลาออกจากงาน และเดินหน้าเรียกร้องความยุติธรรมให้กับ "Papi" สุนัขพันธุ์ West Highland White Terrier ที่อยู่กับเธอมากว่า 13 ปี หลังจากสุนัขแสนรักของเธอถูกวางยาเสียชีวิต
เหตุการณ์เกิดขึ้นในวันที่ 14 กันยายน 2565 ระหว่างที่ Papi กำลังเดินเล่นกับครอบครัวในบริเวณใกล้บ้าน จู่ ๆ ก็เกิดอาการชัก เสียงกรีดร้องรุนแรง ถ่ายไม่หยุด หลี่อีหานรีบพาส่งโรงพยาบาลสัตว์ แต่ไม่ทันการณ์ สุนัขเสียชีวิตในคืนนั้น หลังจากนั้นไม่นาน มีรายงานสุนัขอีก 10 ตัวในละแวกเดียวกันมีอาการคล้ายกัน และเสียชีวิตถึง 9 ตัว
การชันสูตรพบสารพิษ "โซเดียมโมโนฟลูโอโรอะซิเตต" ซึ่งร้ายแรงถึงขั้นมนุษย์เพียงแค่สัมผัสก็อาจเสียชีวิต นำไปสู่การจับกุมผู้ต้องสงสัยชื่อ จาง ซึ่งสารภาพว่าเป็นผู้วางยา แต่กลับอ้างว่าการตายของสุนัขไม่เกี่ยวกับตนโดยตรง
หลี่อีหานตัดสินใจลาออกจากงาน หันมาทุ่มเวลาให้กับการสืบหาความจริงและจัดตั้งกลุ่ม "ครอบครัวเหยื่อสุนัข" ร่วมกับเจ้าของสัตว์เลี้ยงคนอื่นอีก 10 คน ฟ้องร้องทั้งคดีอาญาและแพ่ง เธอเริ่มศึกษากฎหมายด้วยตนเอง แม้จะต้องทนกับภาวะซึมเศร้ารุนแรง และถูกโจมตีในโลกออนไลน์ว่า “ทำเกินเหตุ” หรือ “ใช้ความตายของสุนัขสร้างกระแส”
“ฉันไม่ใช่แค่ออกมาต่อสู้เพราะรักสุนัข แต่นี่คือความปลอดภัยของสาธารณะ ใครจะรู้ว่าวันหนึ่งอาจมีเด็กไปเดินเล่นตรงนั้นแล้วเกิดอะไรขึ้น?” เธอกล่าวในสัมภาษณ์กับสื่อท้องถิ่น
จนถึงกลางปี 2568 คดีนี้ผ่านการพิจารณาศาลมาแล้ว 7 ครั้ง แต่ยังไม่มีคำตัดสิน หลี่อีหานกล่าวว่าเธอเตรียมตัวสำหรับการอุทธรณ์อย่างเต็มที่ หากศาลไม่สามารถให้ความยุติธรรมได้
แม้จะใช้เวลามากกว่า 1,000 วัน หลี่อีหานยังคงยืนหยัดอยู่บนเส้นทางนี้อย่างมั่นคง “กฎหมายไม่ควรถูกบิดเบือนเพื่อปกป้องผู้กระทำผิด ฉันไม่เคยคิดจะเป็นนักต่อสู้ในสายตาของสังคม แต่หากไม่มีใครออกมาพูดแบบนี้ พรุ่งนี้อาจมีคนเจอเหตุการณ์แบบฉันซ้ำอีก” เธอกล่าว
ในวันนี้ หลี่อีหานยังไม่มีงานประจำ รายได้ของเธอมาจากการไลฟ์ขายสินค้าออนไลน์ และยังต้องต่อสู้กับอาการซึมเศร้า แต่เธอบอกว่าเธอจะไม่ยอมแพ้ จนกว่าคดีจะได้ข้อยุติที่ยุติธรรม
“ฉันไม่สามารถปกป้อง Papi ได้ในวันนั้น อย่างน้อยฉันขอปกป้องความยุติธรรมให้เขาในวันนี้”
ที่มา: 大风新闻