"จางเสิ่นซินหราน" นักศึกษาสาวหน้าตาดีจากมหาวิทยาลัยชิงหวา หนึ่งในมหาวิทยาลัยชั้นนำของจีน กลายเป็นที่พูดถึงอย่างกว้างขวางในโลกโซเชียล หลังเธอเริ่มเผยแพร่ประสบการณ์และเคล็ดลับการเรียน โดยเฉพาะการเรียนภาษาอังกฤษ
ย้อนกลับไปในปี 2565 จางเสิ่นซินหรานสอบเข้าชิงหวาได้ด้วยคะแนนระดับท็อปของมณฑลกวางตุ้ง และกลายเป็น “นักศึกษาชิงหวาคนแรกของหมู่บ้าน” ครอบครัวของเธอมีฐานะไม่ร่ำรวยนัก พ่อแม่ประกอบอาชีพทั่วไป แต่เธอก็พยายามเรียนด้วยความตั้งใจจนประสบความสำเร็จ ซึ่งได้รับความชื่นชมจากคนในชุมชนและชาวเน็ตจีนจำนวนมาก
ต่อมาไม่นาน เธอและครอบครัวได้ตัดสินใจบริจาคทุนการศึกษามากกว่า 100,000 หยวน (ประมาณ 500,000 บาท) ที่เธอได้รับหลังสอบติดชิงหวา ให้แก่นักเรียนขาดแคลนในท้องถิ่นบ้านเกิด เพื่อเปิดโอกาสทางการศึกษาสำหรับผู้อื่นในชนบท
การกระทำอันน่าชื่นชมของเธอกลับกลายเป็นเป้าโจมตีในโลกออนไลน์ มีเสียงกล่าวหาว่าเธอ “ทำดีเพื่อสร้างกระแส” บางคนมองว่าเธอใช้เรื่องบริจาคเพื่อปูทางสู่อาชีพอินฟลูเอนเซอร์และสายงานบันเทิง หรือหวังเปิดช่องเข้าสู่วงการธุรกิจออนไลน์ในอนาคต
จางเสิ่นซินหรานเปิดเผยว่า คำกล่าวหานี้ทำให้เธอรู้สึกเสียใจอย่างยิ่ง “ตอนขึ้นมหาวิทยาลัยใหม่ ๆ ก็ได้ยินคนพูดว่าฉันบริจาคเพื่อโปรโมตตัวเอง เพื่อทำคอนเทนต์บนอินเทอร์เน็ต ฉันรู้สึกเจ็บปวดมาก”
เธอเล่าว่า เพื่อพิสูจน์ว่าตนเองไม่มีเจตนาแอบแฝง ช่วงปีหนึ่งและปีสอง เธอจึงตั้งใจหลีกเลี่ยงการปรากฏตัวบนโซเชียลหรือสื่อออนไลน์โดยสิ้นเชิง “ฉันไม่อยากให้ใครคิดว่าฉันทำเพื่อเรียกร้องความสนใจ”
จนกระทั่งในปีที่สาม เมื่อเธอเริ่มกลับมาทำคอนเทนต์การเรียน จึงเริ่มมีคนที่เคยได้รับความช่วยเหลือจากทุนการศึกษาของเธอ ทักข้อความมาหาเพื่อขอบคุณ บางคนบอกว่าจำเธอได้ บางคนเล่าว่าทุนที่เธอบริจาคเปลี่ยนชีวิตเขาจริง ๆ ซึ่งทำให้จางเสิ่นซินหรานรู้สึกอบอุ่นใจและมีกำลังใจในการทำสิ่งดี ๆ ต่อไป
เธอยังเปิดเผยด้วยว่า หนึ่งในแรงจูงใจของเธอในการเรียน คือการพิสูจน์ว่า “ความสวยและความขยันสามารถอยู่ร่วมกันได้” โดยกล่าวว่า “ฉันเป็นคนรักสวยรักงามมาก แต่ในขณะเดียวกันฉันก็เรียนหนัก วันหนึ่งเรียน 8 ชั่วโมง สัปดาห์หนึ่งอ่านหนังสือ 500 หน้า และยังออกกำลังกาย 5–6 วันต่อสัปดาห์”
เธอเชื่อว่าความงามภายนอกไม่ควรขัดขวางความสามารถด้านวิชาการ “นักเรียนเก่งก็มีหลายแบบ ฉันเป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่ใส่ใจรูปลักษณ์ตัวเอง และฉันคิดว่ามันไม่ได้ลดคุณภาพการเรียนเลย”
เมื่อถูกถามถึงมุมมองเรื่องความรัก เธอแสดงความคิดเห็นอย่างตรงไปตรงมาว่า “มัธยมเป็นช่วงชีวิตที่แคบไปหน่อย ยังไม่มีภาพชีวิตจริงให้ตัดสินว่าใครเหมาะกับเรา แต่พอขึ้นมหาวิทยาลัย เราเริ่มเข้าใจว่าชีวิตจริงจะเป็นแบบไหน และใครที่อาจจะเป็นคู่ชีวิตได้จริง ๆ”
ส่วนเรื่องเป้าหมายในอนาคต จางเสิ่นซินหรานหวังว่าจะได้เป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย เพราะเธอชอบการคิด วิเคราะห์ และตอบคำถามมากกว่างานที่ต้องพบปะผู้คนตลอดเวลา “อาชีพครูมีความหมายและให้ความรู้สึกว่าตัวเองมีคุณค่า ถ้าไม่ได้เป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย ก็อยากเป็นครูมัธยมก็ยังดี”
เรื่องราวของเธอ กลายเป็นตัวอย่างของเยาวชนจีนยุคใหม่ที่ไม่เพียงมีความสามารถทางวิชาการ แต่ยังมีจิตใจอ่อนโยน พร้อมช่วยเหลือผู้อื่น และกล้าสร้างสมดุลระหว่าง “ภาพลักษณ์” และ “คุณภาพ” ของตัวเอง
ที่มา: 极目新闻 (Jimu News)