xs
xsm
sm
md
lg

จีนเจอแรงกระแทกใหม่! สามยักษ์ใหญ่ซอฟต์แวร์ออกแบบชิปหยุดบริการจีน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



วงการออกแบบชิปของจีนเผชิญแรงกระแทกครั้งใหม่ หลังจากสามบริษัทยักษ์ใหญ่ระดับโลกด้านซอฟต์แวร์ออกแบบชิปหรือ EDA (Electronic Design Automation) ได้แก่ Synopsys, Cadence และ Siemens ประกาศระงับการให้บริการสนับสนุนและอัปเกรดผลิตภัณฑ์แก่บริษัทเซมิคอนดักเตอร์ในจีนแผ่นดินใหญ่

เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม Synopsys และ Cadence ได้ประกาศผ่านเว็บไซต์อย่างเป็นทางการว่าทั้งสองบริษัทได้รับหนังสือแจ้งจากสำนักงานอุตสาหกรรมและความมั่นคง (BIS) ของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ให้หยุดการส่งออกซอฟต์แวร์ EDA และเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องแก่ลูกค้าในจีน เว้นแต่จะได้รับใบอนุญาตพิเศษจาก BIS โดยให้เหตุผลว่ามีความเสี่ยงที่ซอฟต์แวร์ดังกล่าวจะถูกนำไปใช้ใน "การใช้งานทางการทหารขั้นสุดท้าย" หรือถูกถ่ายโอนไปยัง "ผู้ใช้งานทางการทหาร" ของจีน

EDA เป็นซอฟต์แวร์สำคัญที่ใช้สนับสนุนกระบวนการออกแบบและทดสอบวงจรรวม ตั้งแต่ขั้นตอนการออกแบบ การจำลอง การจัดวาง ไปจนถึงการตรวจสอบ ถือเป็นหัวใจสำคัญของอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ และได้รับการขนานนามว่าเป็น "เครื่องจักรกลแม่" ของวงการนี้

ตลาด EDA ทั่วโลกมีลักษณะผูกขาดสูง โดยบริษัท Synopsys, Cadence และ Siemens ครองส่วนแบ่งตลาดรวมกันถึง 70%-80% และมีอิทธิพลสูงสุดในกระบวนการผลิตชิปขั้นสูงระดับ 10 นาโนเมตรลงไป

ผู้ก่อตั้งบริษัท EDA สัญชาติจีนรายหนึ่งเปิดเผยกับสื่อจีน Jiemian News ว่า ขณะนี้สามบริษัทต่างชาติได้หยุดการสนับสนุนลูกค้าในจีนแล้ว โดยลูกค้าที่เคยซื้อซอฟต์แวร์ไปก่อนหน้านี้ยังสามารถใช้งานได้ แต่บริการเสริม เช่น การอัปเกรดและการขยายระบบ จะไม่สามารถใช้งานได้ตามปกติ ขณะที่การสั่งซื้อใหม่ถูกระงับทั้งหมด

อุตสาหกรรม EDA ของจีนแม้จะเริ่มต้นช้ากว่าต่างชาติ และมีขนาดเล็กกว่า แต่ก็เร่งพัฒนาอย่างรวดเร็ว บริษัทชั้นนำได้แก่ Huada Empyrean, X-Epic, Primarius Technologies และ Semitronix โดยตามรายงานของ Mordor Intelligence ส่วนแบ่งตลาดของบริษัทจีนเพิ่มจาก 6.2% ในปี 2563 เป็นราว 11.5% ในปี 2566 และคาดว่าอาจแตะ 14% ภายในปี 2568

อย่างไรก็ตาม บริษัทจีนส่วนใหญ่ยังเน้นให้บริการสำหรับชิปที่ใช้เทคโนโลยีการผลิต 10 นาโนเมตรขึ้นไป เช่น Huada Empyrean ที่เป็นผู้นำในตลาด ซอฟต์แวร์ของบริษัทนี้ถูกใช้ในงานออกแบบวงจรอนาล็อกและสัญญาณผสม (Mixed-signal) ที่ระดับ 14 นาโนเมตรขึ้นไป


ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท EDA จีนรายหนึ่งกล่าวว่า ผลกระทบของการหยุดให้บริการจากต่างชาติจะมีน้อยต่อกระบวนการผลิตชิปที่ใช้เทคโนโลยีระดับกลางถึงล่าง แต่จะส่งผลกระทบมากในกลุ่มชิประดับขั้นสูง

นักวิเคราะห์ในอุตสาหกรรมมองว่า การระงับให้บริการของบริษัทต่างชาติครั้งนี้เป็นปฏิกิริยาชั่วคราวต่อหนังสือจาก BIS และต้องรอดูนโยบายต่อไปของรัฐบาลสหรัฐฯ ว่าจะมีการบังคับใช้แบบถาวรหรือไม่

ข่าวดังกล่าวส่งผลต่อราคาหุ้นในตลาดทันที หุ้นของ Cadence และ Synopsys ร่วงลงมากกว่า 9%-10% ในวันที่ 28 และ 29 พฤษภาคม ส่วนในตลาดหุ้นจีน A-share หุ้นกลุ่ม EDA กลับพุ่งขึ้น โดยหุ้น Huada Empyrean พุ่งเกือบ 15% หุ้น X-Epic พุ่งขึ้นถึง 20% และหุ้น Semitronix ก็เพิ่มขึ้นกว่า 10%

สื่อไต้หวันรายงานว่า มาตรการควบคุมของสหรัฐฯ อาจไม่ได้ส่งผลตามที่คาดหวัง แต่กลับเร่งการพัฒนาอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ของจีนให้เติบโตอย่างรวดเร็ว โดยบริษัทในจีนจำนวนมากใช้กลยุทธ์  "
China for China" หรือ "ผลิตในจีนเพื่อตลาดจีน" เพื่อสร้างซัพพลายเชนที่พึ่งพาตนเองได้

รายงานดังกล่าวได้รับการนำไปเผยแพร่ต่อโดยสื่อเทคโนโลยีของสหรัฐฯ อย่าง Tom’s Hardware ซึ่งยังเชื่อมโยงข้อสังเกตนี้กับคำให้สัมภาษณ์ของ เจนเซน หวง (Jensen Huang) ซีอีโอของ NVIDIA ซึ่งก่อนหน้านี้กล่าวในงาน Computex 2025 ที่ไทเป ว่า มาตรการของสหรัฐฯ “เป็นการจำกัดที่ไร้ประสิทธิภาพและสายตาสั้น” พร้อมระบุว่าการควบคุมดังกล่าวกลับเป็นแรงผลักดันให้อุตสาหกรรมของจีนเร่งพัฒนาเทคโนโลยีของตัวเอง

ก่อนหน้านั้น บิล เกตส์ (Bill Gates) ผู้ก่อตั้งไมโครซอฟท์ ก็ให้สัมภาษณ์กับ CNN ว่ามาตรการของสหรัฐฯ ได้บีบให้จีนต้องเร่งพัฒนาเทคโนโลยีชิปและกลุ่มอุตสาหกรรมอื่นๆ ด้วยตนเอง และได้แสดงความเชื่อมั่นว่าจีนจะประสบความสำเร็จในด้านนี้

สถานการณ์ล่าสุดนี้สะท้อนให้เห็นว่า อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์จีนแม้จะเจอข้อจำกัดจากภายนอก แต่ก็กลับกลายเป็นแรงกระตุ้นให้เกิดความพยายามพึ่งพาตนเองและสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีที่แข็งแกร่งขึ้นในระยะยาว

ที่มา: 界面新闻 Shanghai


กำลังโหลดความคิดเห็น