xs
xsm
sm
md
lg

อาเซียนในสมรภูมิ AI : การเมืองบนเทคโนโลยีเสมือน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



MGR Online: AI สมรภูมิใหม่ ! ชาติมหาอำนาจแข่งขันพัฒนา จีนชู "สินค้าสาธารณะ" หวังทุกชาติเข้าถึง สร้างโอกาสสื่อสาร คอนเทนต์การเมือง แต่ระวังภัยมืด deep fake-ข่าวปลอม

AI หรือ ปัญญาประดิษฐ์ กำลังกลายเป็น “สมรภูมิใหม่” ทั้งในด้านการแข่งขันทางเทคโนโลยี และอิทธิพลระหว่างประเทศ เทคโนโลยีใหม่เป็นดาบสองคมที่ถูกใช้จากทั้งรัฐบาล นักการเมือง รวมถึงกลุ่มอาชญากรรม

Asean China Centre และ China International Communication Group ได้จัดการสัมมนาประจำปี เรื่อง “การใช้ AI เพิ่มความร่วมมือด้านการสื่อสารในภูมิภาค” คุณ ณภษร ภูวบริรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายสารนิเทศและประชาสัมพันธ์ ศูนย์อาเซียน-จีน กล่าวว่า ประเทศต่างๆ ได้ใช้ AI มาช่วยในการสื่อสารในหลายรูปแบบ ในแวดวงของระหว่างประเทศขณะนี้ได้ตระหนักถึงโอกาสที่จะใช้ AI เพื่อช่วยให้สื่อสารข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว และแพร่หลายมากขึ้น เช่น การใช้ AI แปลภาษาต่าง ๆ ช่วยให้ก้าวข้าม “อุปสรรคด้านภาษา”

นอกจากนี้ AI ยังถูกใช้สร้างรูปภาพ และวิดีโอ เพื่อทำให้สื่อสารประเด็นสาธารณะ และทำเรื่องที่ยากและซับซ้อน ให้ผู้คนเข้าใจได้ง่ายขึ้น

“การที่รัฐจะสื่อสารในประเด็นที่เป็น ประเด็นระดับโลก เช่น เรื่องของโลกร้อน หรือว่าประเด็นทางสังคม พอใช้ AI สร้างภาพหรือวิดีโอที่น่าสนใจ จะทำให้ประชาชนที่เป็นผู้รับสารเข้าใจได้มากขึ้น”



นอกจาก AI จะถูกนำมาใช้ในการสื่อสารแล้วAI กำลังเป็นสมรภูมิใหม่ในการแข่งขันทางเทคโนโลยีระหว่างประเทศ ฝั่งชาติตะวันตก มี Chat gpt, Google Gemini, Meta AI เป็นต้น

ส่วนทางฝั่งประเทศจีน ก็มีdeep seek และบริษัทเทคยักษ์ใหญ่ ทั้งTencent , อาลีบาบา, Baidu ก็ล้วนแต่พัฒนาAI ของตัวเอง
จุดยืนของทางการจีน คือ ต้องการให้ AI เป็น “สินค้าสาธารณะ” หรือpublic good ที่ทุกประเทศเข้าถึงได้ แบ่งปันกัน พัฒนาร่วมกัน รวมถึงควบคุมการใช้งานและผลกระทบร่วมกันในระดับโลก

สาเหตุที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่าเทคโนโลยีส่วนใหญ่เริ่มต้นขึ้นมาจากชาติตะวันตก แต่ก็ถูกผูกขาดและใช้ประโยชน์โดยเจ้าของเทคโนโลยีเช่นกัน ทำให้ประเทศกำลังพัฒนาต้องพึ่งพาเทคโนโลยีจากชาติตะวันตก นอกจากนี้ ชาติตะวันตกยังใช้ความเป็น เจ้าของเทคโนโลยี เป็นเครื่องมือต่อรองทางการค้าและการเมือง รวมถึงใช้เผยแพร่ข้อมูลข่าวสารที่เป็นประโยชน์ต่อฝ่ายตนเองด้วย


ผู้นำฟิลิปปินส์ใช้ AI ชนะศึกเลือกตั้ง

AI ยังถูกนำมาใช้เพื่อการสื่อสารทางการเมืองด้วย เช่น ในฟิลิปปินส์ ที่ในการเลือกตั้งที่เพิ่งผ่านพ้นไป อดีตประธานาธิบดีโรดิโก ดูเตอเตอ ได้ใช้เอไอ แปลงตัวเองให้เป็นตัวการ์ตูนในวัยเด็ก และสร้างคอนเทนต์จนกลายเป็นไวรัลไปทั่วฟิลิปปินส์

คุณวิลสัน ฟลอเรส คอลัมนิสต์จากหนังสือพิมพ์ เดอะฟิลิปปินส์ สตาร์ เล่าว่า “AI ได้เปลี่ยนอดีตประธานาธิบดีดูเตอเตที่มีภาพลักษณ์ที่แข็งกร้าว เป็นตัวการ์ตูนที่น่ารัก ทำให้นักการเมืองมีชีวิตชีวามากขึ้น สร้างความรู้สึกใกล้ชิด และเข้าถึงประชาชนได้มากขึ้น”

การเลือกตั้งในฟิลิปปินส์มีขึ้นในขณะที่อดีตประธานาธิบดีดูเตอเตถูกจับกุมตัวไปดำเนินคดีในศาลอาญาโลกในข้อหาสังหารประชาชนในสงครามปราบปรามยาเสพติด แต่ชาวฟิลิปปินส์จำนวนหนึ่งมองว่าเป็นการเล่นงานทางการเมืองจากประธานาธิบดีมาร์กอส จูเนียร์ และผลการเลือกตั้งก็คือ นายดูเตอเตได้รับเลือกเป็นนายกเทศมนตรีเมืองดาเวา ด้วยคะแนนเสียงแบบถล่มทลาย

รัฐประหาร ฉุดพม่าตกขบวนเทคโนโลยี

หลังจากเมียนมาเกิดรัฐประหารเมื่อ 4 ปีก่อน คณะทหารได้ควบคุมสื่อมวลชนอย่างเข้มงวด และเมียนมายังเผชิญกับมาตรการคว่ำบาตรจากชาติตะวันตก ทำให้การพัฒนาเทคโนโลยีอย่าง AI เผชิญกับอุปสรรคอย่างมาก

คุณเย มิน อู ผู้บริหารเครือข่ายโทรทัศน์ sky net ของเมียนมา บอกว่า เทคโนโลยีเป็นสิ่งสำคัญในพัฒนาเอไอ แต่ก็ต้องดูว่าทางการมีทัศนคติอย่างไร จะเปิดรับเทคโนโลยีเข้ามาในประเทศ หรือว่าจะปิดกั้น ดังนั้นการพัฒนาและใช้งานเอไอในเมียนมา จึงยังต้องใช้เวลา


สิงคโปร์ใช้ AI สร้างสมานฉันท์ทางเชื้อชาติ

สิงคโปร์ เป็นประเทศที่มีประชากรหลายเชื้อชาติ ทั้งจีน มาเลย์ อินเดีย และมีภาษาราชการ 4 ภาษา คือ ภาษาอังกฤษ ภาษาจีนกลาง ภาษาทมิฬ และภาษามลายู

คุณหลี่ เย่หมิง ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ Sgwritings ของสิงคโปร์ บอกว่า รัฐบาลสิงคโปร์ได้ใช้ AI ช่วยในการสื่อสารข้ามภาษา รวมถึงจัดการข้อมูลข่าวสาร

“ตามกฎหมายของสิงคโปร์ ห้ามเผยแพร่ข่าวสารที่สร้างความขัดแย้งทางเชื้อชาติ และห้ามกลุ่มอิทธิพลต่างชาติเผยแพร่ข้อมูลที่ยุยง และแทรกแซงการเมืองในสิงคโปร์ ซึ่งรัฐบาลสิงคโปร์ได้ใช้ AI มาตรวจจับและกลั่นกรองข้อมูลที่ผิดกฎหมาย”


AI หรือ ปัญญาประดิษฐ์ เป็นเครื่องมือสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ และเป็นสมรภูมิใหม่ทางการเมืองทั้งในประเทศและระดับโลก แต่ใน “ด้านมืด” แล้ว ขบวนการหลอกลวงและกลุ่มอาชญากรรมอาจจะใช้เทคโนโลยี deep fake เพื่อล่อลวงผู้คนได้อย่างแยบยล นอกจากนี้ ยังมีเรื่องของข่าวปลอม หรือFake news รวมถึงข้อมูลบิดเบือนมากมายด้วย 
ทุกประเทศ ทุกสาขาอาชีพ และทุกคน หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องเผชิญกับเทคโนโลยีที่ “เสมือนจริง” ได้อย่างแนบเนียน ยิ่งกว่า “ความจริง” เสียอีก.


กำลังโหลดความคิดเห็น