สถานการณ์ของบริษัท “NETA” ผู้ผลิตรถยนต์พลังงานใหม่สัญชาติจีน เข้าสู่จุดต่ำสุดครั้งใหญ่ เมื่อผู้บริหารยอมรับในที่ประชุมต่อหน้าซัพพลายเออร์ว่า “ตอนนี้เราไม่มีเงิน” พร้อมเปิดเผยว่าโรงงานทั้ง 3 แห่งในจีนต้องหยุดสายการผลิต พนักงานหลายส่วนรวมถึงฝ่ายบริหารยังไม่ได้รับเงินเดือน และบริษัทต้องพึ่งมาตรการ “แปลงหนี้เป็นหุ้น” เพื่อหวังลดภาระหนี้และดึงนักลงทุนใหม่มาช่วยพยุงบริษัท
แผนดังกล่าวเสนอให้ซัพพลายเออร์ยอมแปลง 70% ของยอดหนี้ให้เป็นหุ้นในบริษัทแม่ และอีก 30% ที่เหลือจะชำระเป็นเงินสดแบบไม่มีดอกเบี้ยในระยะยาว
ซัพพลายเออร์หลายรายตอบรับข้อเสนอดังกล่าว แม้มองว่าเป็นทางเลือกที่จำใจยอมรับ เพราะหากไม่ยอมแลกหุ้นก็ไม่สามารถเรียกเก็บเงินได้ ขณะที่ผู้บริหารบริษัทย้ำว่า “หาก NETA ล้มละลาย ทุกฝ่ายจะไม่ได้อะไรเลย” จึงเสนอให้ร่วมมือฝ่าวิกฤตครั้งนี้ไปด้วยกัน
ข้อมูลล่าสุดเผยว่า โรงงานในประเทศจีนทั้ง 3 แห่งของบริษัทได้หยุดผลิตมาหลายเดือนแล้ว ขณะที่ธุรกิจในต่างประเทศยังคงดำเนินอยู่ แต่เริ่มประสบปัญหาจากการขาดแคลนเงินทุนและขัดข้องด้านซัพพลายเชน
ผู้บริหารยอมรับว่า พนักงานรวมถึงระดับผู้บริหารก็ยังไม่ได้รับเงินเดือนอย่างเต็มจำนวน โดยฝ่ายวิจัยและพัฒนา (R&D) ได้รับเงินเดือนเพียงครึ่งหนึ่ง และบางคนอยู่ในขั้นตอนยื่นลาออก
พนักงานรายหนึ่งเปิดเผยว่า “เดือนต่อไปไม่รู้ว่าจะได้รับเงินเท่าไหร่ อาจเป็นค่าแรงขั้นต่ำของเซี่ยงไฮ้ที่ 2,690 หยวน (ประมาณ 13,400 บาท) หรืออาจไม่ได้เงินเลยก็ได้”
บริษัทเริ่มลดจำนวนพนักงานตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว โดยดำเนินการทั้งแบบสมัครใจและเลิกจ้าง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการลดต้นทุนและควบคุมค่าใช้จ่าย ผู้บริหารยืนยันว่า “เป็นการลดพนักงานเพื่อประคองการดำเนินธุรกิจขั้นพื้นฐานให้เดินต่อไปได้”
ข้อมูลทางการเงินระบุว่า ระหว่างปี 2021–2023 บริษัทมีรายได้เติบโตเฉลี่ยปีละ 63.2% แต่กลับมีผลประกอบการขาดทุนต่อเนื่อง โดยปี 2021 ขาดทุน 4,840 ล้านหยวน, ปี 2022 ขาดทุน 6,666 ล้านหยวน และปี 2023 ขาดทุน 6,867 ล้านหยวน รวมสามปีขาดทุนสะสมถึง 18,000 ล้านหยวน (ประมาณ 85,500 ล้านบาท)
แม้ปี 2565 เคยเป็นปีทองด้วยยอดขายกว่า 152,000 คัน สูงสุดในกลุ่มผู้ผลิตรถยนต์หน้าใหม่ในจีน แต่เพียงสองปีให้หลัง ยอดขายกลับดิ่งลงอย่างรวดเร็ว ปี 2567 เพียงเดือนมกราคมขายได้เพียง 110 คันในประเทศ
บริษัทแม่ Hozon New Energy เคยยื่นขอจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงเมื่อเดือนมิถุนายนปี 2566 แต่สถานะล่าสุดในเว็บไซต์ HKEX แสดงว่า “คำขอหมดอายุ” เนื่องจากขาดความคืบหน้า
ในขณะเดียวกัน บริษัทกำลังเผชิญคดีฟ้องร้องหลายคดีจากบริษัทที่ให้บริการและผลิตชิ้นส่วน ซึ่งรวมถึงการถูกสั่งอายัดทรัพย์ เช่น บริษัทพีอาร์ “ดีส์ พับบลิครีเลชั่นส์” (D&S PR) ฟ้องเรียกค่าจ้างกว่า 53.55 ล้านหยวน และบริษัทหุ่นยนต์ “เอฟเอฟที” (EFORT) ฟ้องเรียกเงินค้างจ่ายจากโรงงานในเมืองอีชุนกว่า 48.19 ล้านหยวน
ข้อมูลจาก Tianyancha ยังระบุว่า ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา บริษัทแม่ Hozon ถูกศาลจีนสั่งจำกัดการใช้จ่ายส่วนบุคคล และมีคำสั่งอายัดทรัพย์หลายรายการ
ปลายปี 2566 บริษัทได้เปลี่ยนตัว CEO โดย “ฟาง ยุ่นโจว” ผู้ก่อตั้งบริษัท กลับมารับตำแหน่งแทน “จาง หย่ง” ที่เปลี่ยนบทบาทเป็นที่ปรึกษา โดยฟางประกาศแผนฟื้นฟูว่า จะนำบริษัทเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ให้ได้ภายใน 2–3 ปี พร้อมเป้าหมายเพิ่มยอดขายต่างประเทศให้เทียบเท่าภายในประเทศ และทำให้บริษัทมีกำไรภายในปี 2569
ที่มา: 21世纪经济报道, 界面新闻, 澎湃新闻, 新京报