เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2568 ที่กรุงปักกิ่ง ประเทศจีนจัดการแข่งขันหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์รายการแรกของโลกในชื่อ “CMG World Robot Tournament – Series Event” ซึ่งถือเป็นการเปิดฉากยุคใหม่ของการแข่งขันหุ่นยนต์อย่างเป็นทางการ โดยการแข่งขันครั้งนี้มีหุ่นยนต์ G1 จากบริษัท Unitree Robotics (宇树科技) เป็นพระเอกของสนาม ไม่ว่าจะเป็นในรอบโชว์หรือการแข่งขันจริง หุ่นยนต์ทั้งหมดล้วนมาจากรุ่นเดียวกัน เพื่อทดสอบศักยภาพด้านการควบคุม การออกแบบ และความสามารถของระบบควบคุมระยะไกล
หุ่นยนต์ G1 มีความสูง 1.32 เมตร หนัก 25 กิโลกรัม ติดตั้งมอเตอร์แรงบิดสูงถึง 43 จุด ทำให้สามารถเคลื่อนไหวได้หลากหลายทั้งในเชิงกีฬาและศิลปะการต่อสู้ เช่น หมัดตรง หมัดฮุก หมัดอัปเปอร์คัต เตะข้าง เตะหน้า หรือแม้แต่การล้มและลุกขึ้นในเวลาไม่ถึง 5 วินาที โดยบางตัวสามารถใช้ท่าลุกแบบ “ปลากระโดด” ได้อย่างลื่นไหล เสียงปรบมือจากผู้ชมดังขึ้นหลายครั้งเมื่อหุ่นยนต์แสดงท่าทางสมจริงราวกับนักมวยมืออาชีพ
การแข่งขันใช้กติกาแบบ 3 ยก ยกละ 2 นาที คะแนนนับจากการโจมตีจุดสำคัญ ได้แก่ การโจมตีแขนได้ 1 คะแนน ขา 3 คะแนน การล้มโดนหัก 5 คะแนน และหากล้มแล้วลุกไม่ขึ้นภายใน 8 วินาที จะถูกหักทันที 10 คะแนน ทั้งนี้ หุ่นยนต์จะควบคุมโดยมนุษย์ผ่านรีโมตแบบมือจับ (joystick) ซึ่งช่วยให้การควบคุมเป็นไปอย่างแม่นยำและทันสถานการณ์ ทำให้การแข่งขันมีความสนุก สนามมีชีวิตชีวา และยังเปิดโอกาสให้ผู้ใช้งานทั่วไปสามารถเข้าร่วมได้ในอนาคต
ความท้าทายของการแข่งขันนี้อยู่ที่การออกแบบหุ่นยนต์ให้สามารถตอบสนองต่อคำสั่งได้ภายในเวลาเสี้ยววินาที ระบบควบคุมต้องประมวลผลจากเซ็นเซอร์จำนวนมากแบบเรียลไทม์ เพื่อควบคุมจุดข้อต่อทุกจุดให้เคลื่อนไหวอย่างแม่นยำและราบรื่น การโจมตีต้องแม่น การล้มต้องฟื้นตัวไว โครงสร้างหุ่นยนต์ต้องแข็งแรงพอรับแรงกระแทกซ้ำซ้อน โดยยังคงรักษาสมดุลในการเคลื่อนไหว
เถียนเฟิง นักวิจัยด้านเทคโนโลยีและผู้วางแผนรายการออนไลน์ “Tianfeng Talk” ให้ความเห็นว่า ความสำเร็จของหุ่นยนต์ G1 ในการแสดงท่าทางต่อสู้แบบอิสระ เช่น หมัดฮุก หรือการเตะด้านข้าง แสดงให้เห็นว่าเทคโนโลยีหุ่นยนต์กำลังก้าวไปอีกขั้น ไม่เพียงแค่ในแง่ของความสามารถทางกายภาพ แต่ยังสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับทักษะอื่น ๆ เช่น การเต้น การผลิตในโรงงาน หรือแม้แต่งานฝีมือดั้งเดิม การแข่งขันในครั้งนี้จึงเป็นทั้งการโชว์เทคโนโลยีและการสร้างแรงบันดาลใจให้กับนักเรียน นักศึกษา โปรแกรมเมอร์ และวิศวกรรุ่นใหม่
หนึ่งในไฮไลต์ของการแข่งขัน คือการเก็บข้อมูลการเคลื่อนไหวของหุ่นยนต์ในระดับ 10 เทราไบต์ต่อแมตช์ ซึ่งสามารถนำไปใช้ฝึกระบบ Machine Learning ให้กับหุ่นยนต์ในสถานการณ์ฉุกเฉิน เช่น การหลบหลีกสิ่งกีดขวาง การประสานงานกับมนุษย์ในงานอุตสาหกรรม หรือหุ่นยนต์ที่ต้องปฏิบัติงานภาคสนามอย่างแม่นยำ ทั้งยังมีการใช้ระบบ AI ตัดสินใจชื่อ UnifoLMV2.0 ที่ผ่านการฝึกฝนจำลองกว่า 1 ล้านครั้ง เพื่อให้หุ่นยนต์สามารถตอบสนองสถานการณ์ที่ซับซ้อนได้โดยอัตโนมัติ ซึ่งถือเป็นโครงสร้างพื้นฐานด้าน AI ที่เปิดให้ผู้พัฒนาโดยเฉพาะในภาคธุรกิจ SME นำไปใช้งานได้ง่ายขึ้น ลดต้นทุนและเวลาในการพัฒนา
ท้ายที่สุด การแข่งขันนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่กิจกรรมความบันเทิง แต่ยังเป็นบทพิสูจน์ว่า เทคโนโลยีหุ่นยนต์ของจีนสามารถนำเสนอความสามารถระดับโลกในเวทีใหม่ และอาจเป็นจุดเริ่มต้นของอุตสาหกรรมกีฬาแนวใหม่ที่ผสมผสานระหว่างมนุษย์กับเครื่องจักรเข้าด้วยกันอย่างสมบูรณ์แบบ
ที่มา: 态℃(网易科技)