ขณะนี้บริษัทนำเข้าสินค้าจากจีนเข้ามาขายในสหรัฐอเมริการีบเร่งเปลี่ยนแปลงคลังสินค้าตามปกติให้กลายเป็นคลังสินค้าทัณฑ์บน (bonded warehouse) สำหรับจัดเก็บสินค้าจากจีนไว้ชั่วคราว
สินค้าที่จัดเก็บแบบนี้ไม่ต้องชำระภาษีศุลกากรจนกว่าจะนำสินค้าออกจากคลัง
ด้วยนโยบายที่เอาแน่ไม่ได้ของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งประกาศขึ้นภาษีศุลกากรสินค้าจากจีน 145 % ในเดือนเมษายน แต่เมื่อเจรจาพักรบกันก็ปรับลดลงเหลือ 30 %นั้น ความยืดหยุ่นของคลังสินค้าทัณฑ์บนจึงช่วยให้บริษัทนำเข้าสามารถบริหารเงินทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นในช่วงที่สงครามการค้าสหรัฐฯ-จีนมีความผันผวนสุด ๆ โดยบริษัทจำนวนมากที่นำเข้าสินค้าจากจีน ไม่ใช่แค่บริษัทที่มีฐานอยู่ในจีนเท่านั้น แต่รวมถึงผู้นำเข้าจากสหรัฐฯ ด้วย กำลังรีบเร่งใช้ประโยชน์จากคลังสินค้าทัณฑ์บนเพื่อช่วยผ่อนคลายในเรื่องกระแสเงินสด ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ซินดี้ อัลเลน ที่ปรึกษาด้านการขนส่งของบริษัทTrade Force Multiplier และอดีตผู้บริหารของ FedEx Logistics กล่าว
ปัจจุบันสหรัฐฯ มีคลังสินค้าทัณฑ์บนมากกว่า 1,700 แห่ง โดยร้อยละ 33 สำหรับสินค้านำเข้าจากจีน
ตามการเปิดเผยของแหล่งข่าวในแวดวงอุตสาหกรรม 4 คน สงครามภาษีศุลกากรของทรัมป์ทำให้คลังสินค้าปลอดภาษีเหล่านี้หลายแห่งมีพื้นที่เต็มแล้วและค่าเช่าพื้นที่ภายในคลังสินค้าก็พุ่งสูง
บริษัทต่าง ๆ จึงยื่นคำร้องขอขยายพื้นที่คลังสินค้าทัณฑ์บนต่อสำนักงานศุลกากรและป้องกันชายแดนของสหรัฐฯ (CBP) บางบริษัทก็ผ่านฉลุย เช่น บริษัทให้บริการคลังสินค้า LVK Logistics ในรัฐยูท่าห์ ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลา 3-4 เดือนในการขออนุญาตและการขยายพื้นที่ แต่อีกหลายบริษัท รวมถึงบริษัทโลจิสติกส์ การยื่นคำร้องยังล่าช้ามานานกว่า 6 เดือนแล้ว
นอกจากนั้น การยื่นคำร้อง "อาจมีค่าใช้จ่ายหลายพันดอลลาร์หรืออาจถึงหลักแสนดอลลาร์" ขึ้นอยู่กับรัฐที่ตั้งคลังสินค้า สถานะการเงินของบริษัท และมาตรการรักษาความปลอดภัยเพิ่มเติมที่ CBP กำหนดไว้สำหรับสถานที่เฉพาะ
ในช่วงต้นปี 2567 ค่าเช่าพื้นที่คลังสินค้าทัณฑ์บนสูงกว่าคลังสินค้าปกติประมาณ 2 เท่า แต่ตั้งแต่ต้นปี 2568 ค่าเช่าเพิ่มขึ้นถึง 4 เท่า ตามข้อมูลของ WarehouseQuote ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยด้านโลจิสติกส์
การเร่งหาพื้นที่คลังสินค้าทัณฑ์บนสำหรับสินค้าหลากหลายประเภทตั้งแต่เสื้อผ้าเครื่องนุ่มห่มไปจนถึงรถยนต์นั้นถือเป็นการวางเดิมพันกันเลยทีเดียวสำหรับบริษัทบางราย ซึ่งกล้าฟันธงว่า การปรับขึ้นอัตราภาษีศุลกากรเป็นแค่นโยบายระยะสั้นของรัฐบาลทรัมป์เท่านั้น
อย่างไรก็ตาม เดิมพันนี้อาจมีความเสี่ยง เพราะเมื่อการพักรบสงครามภาษี 90 วันสิ้นสุดลง สหรัฐฯก็อาจกลับไปขึ้นภาษีอีก การลงทุนขยายคลังสินค้าทัณฑ์บนอาจต้องสูญเปล่า เพราะเมื่อครบกำหนดต้องนำสินค้าออกจากคลังก็จะต้องเสียภาษีในอัตราที่สูงเหมือนเดิม หรือถ้าสหรัฐฯ-จีนตกลงกันได้ว่าจะไม่ปรับขึ้นภาษีตอบโต้กันการมีคลังสินค้าทัณฑ์บนเพิ่มเติมก็ไม่จำเป็นอีกต่อไป
บริษัทจัดเก็บสินค้าและคลังสินค้าของสหรัฐฯจำนวนหนึ่งจึงไม่ผลีผลามขยายคลังสินค้าทัณฑ์บน โดยจะรอให้การเจรจาภาษีศุลกากรของสหรัฐฯกับจีนและชาติอื่น ๆ เสร็จสิ้นสมบูรณ์ก่อนจึงค่อยตัดสินใจ
ที่มา : รอยเตอร์
