เมื่อไม่นานมานี้ หญิงคนหนึ่งจากมณฑลเจ้อเจียง ออกมาเตือนผู้คนให้ระมัดระวังการใช้สิ่งของสาธารณะ โดยเฉพาะไมโครโฟน หลังเธอติดเชื้อไวรัสที่ไม่มีทางรักษาให้หายขาด ต้องอยู่กับมันไปตลอดชีวิต
โดยเธอเล่าว่า ในปี 2017 เธอไปร้องคาราโอเกะกับเพื่อน และเอาไมโครโฟนชิดปากเพื่อเลียนแบบท่าทางของคนดังขณะร้องเพลง
ไม่กี่วันต่อมา ก็มีตุ่มน้ำใสปรากฏขึ้นบริเวณริมฝีปาก พร้อมมีอาการเจ็บแสบ บวมแดง และคัน ตอนแรกเธอก็ไม่ได้สนใจมากนัก กระทั่งมีอาการกำเริบอีกครั้ง จึงรีบไปพบแพทย์
แพทย์ระบุว่า เธอเป็นโรคเริม ซึ่งเกิดจากการติดเชื้อไวรัสเฮอร์ปีส์ ซิมเพล็กซ์ (Herpes simplex virus) โดยเมื่อเป็นแล้วแม้สามารถรักษาได้แต่จะไม่หายขาด เนื่องจากเชื้อดังกล่าวจะซ่อนตัวอยู่บริเวณปมประสาท พอร่างกายอ่อนแอ หรือภูมิคุ้มกันลดลง ก็จะออกมาก่อโรค จึงทำให้เป็นๆ หายๆ
ตลอด 8 ปีที่ผ่านมา เธอต้องต่อสู้กับโรคเริมที่กลับมาเป็นซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไม่เพียงแต่บริเวณปาก แต่ยังลามไปจมูกและแก้มอีกด้วย ทำให้กระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน อีกทั้งยังทำให้เสียบุคลิก เธอจึงอยากเตือนทุกคนให้ระมัดระวังให้มากๆ เพื่อที่จะได้ไม่เป็นแบบเธอ
อย่างไรก็ตาม หลังเรื่องราวของเธอถูกเผยแพร่ออกไป หลายคนต่างสงสัยว่า การเป็นโรคเริมของเธอนั้นอาจไม่ได้มีสาเหตุมาจากไมโครโฟนห้องคาราโอเกะ แต่เธออาจติดเชื้อมาก่อนหน้านี้แล้ว
ทั้งนี้ ข้อมูลทางการแพทย์ระบุว่า ระยะฟักตัวของไวรัสเริมอยู่ที่ประมาณ 2-20 วัน โดยวิธีป้องกันการติดเริม ซึ่งเป็นโรคติดต่อทางผิวหนัง หรือทางเพศสัมพันธ์นั้น สามารถทำได้ด้วยการลด ละ เลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยงต่อการติดเชื้อ เช่น การไม่ใช้สิ่งของส่วนตัวร่วมกัน ไม่สัมผัสกับบุคคล หรือสิ่งของที่อาจปนเปื้อนน้ำลาย หรือสารคัดหลั่ง กินอาหารที่มีประโยชน์ หมั่นออกกำลังกายและพักผ่อนให้เพียงพอ เป็นต้น
ที่มา : 自称唱歌离麦克风太近受感染 女子终身携带病毒“无药可治”