ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เดินทางเยือนเวียดนาม มาเลเซีย และกัมพูชา ระหว่างวันที่ 14–18 เมษายน 2568 เป็นภารกิจเยือนต่างประเทศครั้งแรกของเขาในปีนี้ การเลือกเปิดฉากด้วยประเทศเพื่อนบ้านในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้สะท้อนให้เห็นถึงการให้ความสำคัญกับภูมิภาคนี้เป็นพิเศษ โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่โลกกำลังเผชิญความไม่แน่นอน ทั้งด้านเศรษฐกิจและความมั่นคงระหว่างประเทศ
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา จีนและประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นในหลากหลายมิติ ทั้งเศรษฐกิจ การค้า วัฒนธรรม และความมั่นคง การเยือนครั้งนี้ถือเป็นการสานต่อความร่วมมือที่มีอยู่ พร้อมผลักดันให้ก้าวหน้าไปอีกขั้น โดยเฉพาะในช่วงที่จีนต้องการฟื้นฟูบทบาทในเวทีโลก ท่ามกลางกระแสต่อต้านโลกาภิวัตน์และการปกป้องทางการค้าที่รุนแรงมากขึ้น
เวียดนาม ถือเป็นจุดหมายแรกที่ผู้นำจีนเลือกเยือนในปีนี้ ความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับเวียดนามแน่นแฟ้นเป็นพิเศษ เพราะทั้งสองประเทศมีระบบการเมืองแบบสังคมนิยมคล้ายคลึงกัน และมีประวัติศาสตร์ร่วมกันมายาวนาน ปีนี้ยังเป็นวาระครบรอบ 75 ปีของการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต และยังเป็น “ปีแห่งการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมจีน–เวียดนาม” ที่มีการจัดกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อส่งเสริมความเข้าใจระหว่างประชาชนทั้งสองประเทศ
นอกจากนี้ยังคาดว่าจะมีการลงนามความร่วมมือใหม่ราว 40 ฉบับ ครอบคลุมทั้งการคมนาคม พลังงาน การเกษตร และโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ระบบรถไฟเชื่อมต่อระหว่างสองประเทศ
จากนั้นสี จิ้นผิงจะเดินทางต่อไปยัง มาเลเซีย ซึ่งเป็นประเทศอาเซียนรายแรกที่สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับจีน มาเลเซียมีบทบาทสำคัญในอาเซียน โดยปีนี้ทำหน้าที่เป็นประธานอาเซียนภายใต้แนวคิด “การพัฒนาอย่างครอบคลุมและยั่งยืน” การเยือนมาเลเซียครั้งนี้จึงไม่เพียงส่งเสริมความสัมพันธ์ทวิภาคีเท่านั้น แต่ยังเป็นการยืนยันว่าจีนสนับสนุนบทบาทนำของอาเซียนในภูมิภาคอย่างจริงจัง และพร้อมจะร่วมมือกันเพื่อผลักดันการพัฒนาในภูมิภาคนี้อย่างยั่งยืน
ปลายทางสุดท้ายของการเยือนครั้งนี้คือ กัมพูชา ซึ่งเป็นประเทศที่จีนมองว่าเป็น “มิตรแท้” ที่ให้การสนับสนุนกันมาตลอด โดยเฉพาะในช่วงเปลี่ยนผ่านทางการเมืองของกัมพูชาเมื่อปีที่แล้ว นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต เลือกเดินทางเยือนจีนเป็นประเทศแรกหลังรับตำแหน่ง การเยือนของสี จิ้นผิงในครั้งนี้จะเน้นการผลักดันความร่วมมือภายใต้กรอบ “ความร่วมมือหกเหลี่ยมเพชร” ที่ครอบคลุมทั้งด้านเศรษฐกิจ โครงสร้างพื้นฐาน พลังงาน และความมั่นคง ก่อนหน้าการเยือนเพียงไม่กี่วัน กัมพูชาก็เพิ่งเปิดใช้งานถนนหมายเลข 71C ซึ่งสร้างโดยบริษัทจากจีน ถือเป็นหนึ่งในโครงการร่วมมือที่เห็นผลเป็นรูปธรรม
การเยือนทั้งสามประเทศครั้งนี้มีเป้าหมายสำคัญหลายด้าน ได้แก่ การเสริมสร้างความไว้วางใจทางยุทธศาสตร์ การส่งเสริมความร่วมมือด้านเศรษฐกิจและโครงสร้างพื้นฐาน การแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมเพื่อเพิ่มความเข้าใจระหว่างประชาชน รวมถึงการหารือแนวทางจัดการกับความท้าทายร่วมกัน เช่น ปัญหาการปกป้องทางการค้า หรือความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ในภูมิภาค
จีนเลือกเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นจุดเริ่มต้นของยุทธศาสตร์การทูตในปี 2568 โดยให้ความสำคัญกับประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียน ซึ่งมีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นทั้งทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม การเดินทางของผู้นำจีนยังเกิดขึ้นภายหลัง “การประชุมกลางว่าด้วยการทูตรอบบ้าน” ซึ่งปรับสถานะของนโยบายรอบบ้านให้มีความสำคัญยิ่งขึ้นในโครงสร้างนโยบายต่างประเทศของจีน
หลิว ชิง รองผู้อำนวยการสถาบันวิจัยปัญหานานาชาติแห่งประเทศจีน ชี้ว่าการเยือนครั้งนี้ควรพิจารณาภายใต้ 3 มิติหลัก ได้แก่
1. เสริมสร้างยุทธศาสตร์รอบบ้าน – จีนถือว่าเพื่อนบ้านเป็นหัวใจของการทูต ด้วยเหตุนี้ ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จึงถูกยกระดับเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ที่สำคัญ ทั้งในมิติการค้า การลงทุน และความมั่นคงทางภูมิภาค โดยเฉพาะความร่วมมือกับอาเซียนที่กำลังก้าวเข้าสู่ปีที่ 5 ของการเป็น “หุ้นส่วนยุทธศาสตร์อย่างรอบด้าน” กับจีน
2. สะท้อนแนวทางการทูตใหม่ของจีน – การเยือนครั้งนี้เป็นการปฏิบัติการจริงตามแนวคิด “ความมั่นคงเอเชีย” และการสร้าง “ประชาคมร่วมชะตากรรมรอบบ้าน” ที่ผู้นำจีนเสนอไว้ในเวทีระหว่างประเทศ โดยยึดหลัก “ใกล้ชิดจริงใจ ผลประโยชน์ร่วมกัน และครอบคลุมหลากหลาย” (亲诚惠容)
3. ตอบโจทย์โลกที่ไม่แน่นอน–ท่ามกลางกระแสปกป้องทางการค้าและแนวโน้มการแบ่งขั้วของโลก การประสานท่าทีของจีนกับประเทศเพื่อนบ้านเพื่อรักษาเสถียรภาพของห่วงโซ่อุปทาน เสริมสร้างความมั่นใจในระบบพหุภาคี และผลักดันความร่วมมือระดับภูมิภาค จึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง
การเยือนยังเกิดขึ้นในช่วงที่ใกล้ครบรอบ 70 ปีของการประชุมบันดุงซึ่งเป็นเวทีสำคัญที่ประเทศกำลังพัฒนาในเอเชียและแอฟริการ่วมกันเสนอแนวคิดความร่วมมืออย่างสันติในยุคสงครามเย็น หลายฝ่ายมองว่าแนวคิดนี้ยังคงเกี่ยวข้องอย่างยิ่งในโลกปัจจุบันที่กำลังกลับเข้าสู่ยุคแบ่งขั้วอีกครั้ง
การเดินทางของประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ครั้งนี้ไม่ใช่เพียงแค่การเยือนประเทศเพื่อนบ้าน แต่เป็นการประกาศเจตนารมณ์ของจีนในการร่วมสร้างอนาคตของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ให้มั่นคง ยั่งยืน และเป็นมิตร ท่ามกลางความท้าทายและความเปลี่ยนแปลงที่กำลังเกิดขึ้นในระดับโลก
ที่มา: 解放日报 Zhang Quan