ผลการศึกษาอย่างเป็นทางการคาด ปี2570 ประชากรวัยผู้ใหญ่ในจีนร้อยละ 65จะมีน้ำหนักเกินหรือเป็นโรคอ้วน
เกือบ 1 ใน 3 ของเด็กอายุ 7 ปีขึ้นไปอาจมีน้ำหนักเกินหรือเป็นโรคอ้วนได้ภายในปี 2573 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 19 ในปี 2561
คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติจีน (NHC) นำผลการศึกษาชิ้นนี้มาเตือนให้ตระหนักถึงวิกฤตโรคอ้วนบนแดนมังกร โดยผลการศึกษามีการคำนวณค่าใช้จ่ายในการรักษาผู้ป่วยน้ำหนักเกินและผู้ป่วยโรคอ้วนในตอนนั้นว่ามีจำนวน 418,000 ล้านหยวน ( ราว1,993,860 ล้านบาท) หรือร้อยละ 22 ของงบประมาณสาธารณสุขประจำปีของจีน ขณะที่ในปี 2565 อยู่ที่ร้อยละ 8 เท่านั้น
รัฐบาลจีนจึงต้องทำงานแข่งกับเวลา ก่อนที่โรคเรื้อรัง เช่น โรคความดันโลหิตสูง เบาหวาน หรือโรคหลอดเลือดและหัวใจจะกดดันระบบการดูแลสุขภาพของประชาชนในประเทศมากขึ้น
เมื่อปีที่แล้วNHCประกาศแนวทางแก้ไขระยะเวลา 3 ปี ต่อมาในเดือนมีนาคมปีนี้มีแผนเปิด“คลินิกควบคุมน้ำหนัก” แบบสหสาขาวิชาในโรงพยาบาลทั่วประเทศ โดยจาง เหวินหง ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อกล่าวในการประชุมสภาผู้แทนประชาชนแห่งชาติและสภาที่ปรึกษาการเมืองว่าระบบสาธารณสุขต้องการช่วยให้ประชาชนลดน้ำหนัก โดยจะ "มุ่งเป้าไปที่ผู้มีพุงใหญ่"
แต่ชาวจีนบางคนมองว่า การเปลี่ยนแปลงรูปแบบการดำเนินชีวิตหรือไลฟ์สไตล์นี่แหละ ปัญหาท้าทายมันอยู่ที่ตรงนี้
หวาง เซียวหนี พนักงานธนาคารในเซี่ยงไฮ้ วัย 33 ปีเล่าว่า เวลาเครียดขึ้นมา ไม่มีความสุข เช่น เซ็งเจ้านาย หรือกังวลถูกเลิกจ้างงานในภาวะเศรษฐกิจซบเซา เธอมักกินดื่มมากขึ้นและไม่ค่อยมีเวลาออกกำลังกาย จากคนที่เคยรูปร่างผอมเพรียว ตอนนี้ใกล้ปากประตูโรคอ้วน คิดจะเปลี่ยนแปลงตัวเองเหมือนกัน แต่บริการฟู้ดเดลิเวอรีก็ก็ทำให้ยากจะห้ามใจมันฝรั่งทอด ขนมหวาน และชานม
กระทรวงศึกษาธิการประกาศให้เพิ่มดัชนีมวลกาย( BMI – ใช้ค่าน้ำหนักตัวหารด้วยส่วนสูงยกกำลังสอง) ในการประเมินวิชาพลศึกษาของนักเรียน อีกทั้งขอให้โรงเรียนจัดสรรเวลาสำหรับกิจกรรมกลางแจ้งวันละอย่างน้อย 1 ชั่วโมง ลดปริมาณการบ้าน และขยายเวลาพักจาก 10 นาทีเป็น 15 นาทีเพื่อแก้ไขวิกฤตโรคอ้วนในเด็ก
แต่เฉิน อี้หยาง นักเรียนชายในกรุงปักกิ่งบอกว่า การบ้านที่โรงเรียนไม่เคยลดน้อยลงเลย แถมเวลาพักจาก 15 นาทีกลายเป็นเหลือแค่ 10 นาทีซะงั้น
เฉินรู้สึกหิวอยู่ตลอดเวลา เขาต้องทำข้อสอบอย่างน้อยสัปดาห์ละสองครั้ง ทำการบ้านจนถึง5ทุ่มทุกคืน แต่ได้คะแนนต่ำกว่าค่าเฉลี่ยเกือบทุกวิชาในชั้นเรียน การกินจึงเป็นวิธีเดียวในการให้รางวัลกับตัวเอง
หลังจากNHC เผยแพร่แนวทางเมื่อปีที่แล้ว เกิดการเปลี่ยนแปลงเพียงอย่างเดียวก็คืออาหารในโรงอาหารลดเผ็ดลดเค็มลง ซึ่งไม่สบอารมณ์เฉิน เขาก็เลยกลับไปกินที่บ้านมากขึ้นเพื่อชดเชย
ซู่ ไนจาง วิศวกรวัยเกษียณผู้มีน้ำหนักตัวเกิน ในเมืองเทียนจิน อยากมีสุขภาพดีขึ้น แต่กังวลว่ายาลดน้ำหนักอาจมีราคาแพงเกินไปสำหรับคนทั่วไป นอกจากนี้ เขายังกลัวเรื่องผลข้างเคียงด้วย
“ผมคิดว่ากุญแจสำคัญอยู่ที่การมีวินัยในตนเอง” ซู่บอก
ตอนนี้เขากินผักมากขึ้น ฝึกไทเก๊กวันละหนึ่งชั่วโมงทุกเช้า เวลาไปซูเปอร์มาร์เกตก็จะไปยืนบนตาชั่งวัดน้ำหนักทุกครั้งด้วยความหวังว่าจะลดน้ำหนักได้บ้างภายในหนึ่งปี เพื่อที่จะได้หายจากความดันโลหิตสูง
เขามีวินัยกับตัวเองเป็นส่วนใหญ่ แต่ก็ยอมรับว่า เวลาพบปะญาติพี่น้องหรือเพื่อนฝูง ก็ยากที่จะห้ามใจไม่ให้กิน กิน และกิน
ปัจจุบัน ซู่มีอายุ 76 ปี
เขาพยายามอย่างหนักที่จะลืมความทรงจำเกี่ยวกับความอดอยากแร้นแค้นในวัยเด็ก แต่เมื่อใดที่ “ความรู้สึกขาดแคลน” ผุดขึ้นมา “ผมก็จะอดกินไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นเนื้อหมู เนื้อวัว หรือเนื้อแกะชิ้นโต ๆ” ซู่สารภาพ
ทั้งนี้ จีนให้คำจำกัดความผู้เป็นโรคอ้วนแตกต่างจากองค์การอนามัยโลก ซึ่งหมายถึงผู้มีดัชนีมวลกายเกิน 30 แต่สำหรับจีน หากเกิน24 ให้เป็นผู้มีน้ำหนักเกิน และเกิน 28 เป็นโรคอ้วน
ที่มา : เซาท์ไชน่ามอร์นิงโพสต์