ขณะนี้แพลตฟอร์มแชตบอตเอไอดีปซีก (DeepSeek) ของสตาร์ทอัปสัญชาติจีนชื่อเดียวกัน ซึ่งเปิดตัวสั่นสะเทือนวงการเทคโนโลยีโลกเมื่อต้นปี กำลังเข้ามามีบทบาทช่วยตรวจหาการทุจริตในหน่วยงานรัฐระดับภูมิภาคของจีน หลังจากรัฐบาลกลางเรียกร้องให้หน่วยงานท้องถิ่นนำเทคโนโลยีเอไอมาใช้เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงาน
ยกตัวอย่าง เช่น หน่วยงานตรวจสอบวินัยในเมืองสุยฮวา มณฑลเฮยหลงเจียงทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีการนำแพลตฟอร์มดีปซีก ซึ่งเป็นโมเดลภาษาและเทคโนโลยีข้อมูลขนาดใหญ่ (big data technology) มาวินิจฉัยกรณีที่น่าสงสัยว่า อาจมีการโกงเพื่อหวังได้รับสวัสดิการสังคมจากรัฐ แพลตฟอร์มบิ๊กดาต้านี้ทำให้สามารถวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการเสียชีวิตหรือการให้สวัสดิการคุ้มครองผู้สูงอายุและผู้พิการได้อย่างแม่นยำ โดยหลังจากการคำนวณอย่างเป็นระบบแล้ว ก็สามารถคัดกรองกรณีน่าสงสัยออกไปได้ 11 ราย
ที่เจิ้งโจว ซึ่งเป็นเมืองใหญ่ทางภาคกลาง ดีปซีกสามารถตรวจพบว่าอาจมีการประพฤติมิชอบเกิดขึ้นในการประมูลรัฐวิสาหกิจ โดยเจ้าหน้าที่ระบุว่า การค้นหาในแพลตฟอร์มแชตบอตพบว่า บริษัทบางแห่งมีการอ้างอิงข้อมูลของเจ้าหน้าที่รัฐกับข้อมูลการเสนอราคา ซึ่งบ่งชี้เบาะแสปัญหาการทุจริต
มณฑลอันฮุยและไห่หนันระบุว่าจะใช้เอไอช่วยขุดรากถอนโคนคอร์รัปชัน โดยเจ้าหน้าที่ปราบปรามการทุจริตในเมืองอู่หู มณฑลอันฮุยกล่าวเมื่อไม่นานนี้ว่า ควรใช้ ดีปซีกเป็นเครื่องมืออันทรงพลังเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในด้านการกำกับดูแล ด้านวินัย และการบังคับใช้กฎหมาย โดยดีปซีกอาจทะลุทะลวงการปกปิดซ่อนเร้นการทุจริตที่เปรียบเสมือนเสื้อคลุมล่องหนได้
ตามเมืองใหญ่ๆ รวมถึงเทียนจิน กว่างโจวและหนันจิงก็เริ่มมีการใช้เอไอในระดับรัฐบาลท้องถิ่นกันแล้ว
อำเภอฝูเถียนในเมืองเซินเจิ้นทางภาคใต้ระบุว่าได้ใช้เอไอเพื่อลดเวลาการตรวจสอบลงร้อยละ 90 มีอัตราข้อผิดพลาดเพียงร้อยละ 5 โดยมีการจัดกำลัง “เจ้าหน้าที่พลเรือนเอไอ” จำนวน 70 คน ซึ่งใช้โมเดลเอไอ DeepSeek-R1 เพื่อปฏิบัติหน้าที่พื้นฐาน เช่น การประมวลผลเอกสาร ตรวจสอบโครงการลงทุน และมอบหมายงานให้แผนกต่างๆ
ในการประชุม “สองสภา” (two-sessions) ซึ่งเป็นกิจกรรมหลักทางการเมืองของจีนในปีนี้ ทั้งประธานาธิบดีสี จิ้นผิง และนายกรัฐมนตรีหลี่ เฉียงต่างก็เรียกร้องให้มีการใช้เทคโนโลยีเอไอกันมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม รองศาสตราจารย์อัลเฟรด อู๋ แห่งวิทยาลัยนโยบายสาธารณะลีกวนยูในสิงคโปร์ ตั้งข้อสังเกตว่า จีนต้องการนำเอไอมาใช้ในการบริหารปกครองมากขึ้นก็จริง แต่อาจมีข้อจำกัดในการปราบปรามคอร์รัปชัน
“จีนพูดถึงการใช้เทคโนโลยีเพื่อปราบปรามการทุจริตมาหลายปีแล้ว”
“แต่คดีโกงกินขนาดใหญ่มโหฬารมักแกะรอยเส้นทางได้ยาก แม้จะใช้เอไอมาช่วยก็เถอะ ตอนนี้ดีปซีกอาจช่วยได้แค่การชี้การทุจริตเล็กๆ น้อยๆ ที่เกิดขึ้นเป็นประจำเท่านั้น” เขากล่าว
ที่มา : เซาท์ไชน่ามอร์นิงโพสต์