โดย ร่มฉัตร จันทรานุกูล
ช่วงนี้กระแสปัญญาประดิษฐ์ หรือเอไอ (AI) มาแรงและเป็นที่ถูกจับตาอย่างมาก AI เสมือนดาบสองคม ที่ด้านหนึ่งช่วยให้มนุษย์สามารถทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่อีกนัยหนึ่งก็เป็นภัยคุกคามเงียบที่หลายคนหวาดกลัวเพราะปัจจุบัน AI มีความสามารถเหนือกว่ามนุษย์หลายอย่าง ในอนาคตอันใกล้มีแนวโน้มว่า AI จะเข้ามาทำงานแทนมนุษย์มากขึ้นในหลายอุตสาหกรรมและในหลายมิติ
สำหรับ AI ของค่ายจีนนั้น กระแแสฮือฮาเห่อ Deepseek ยังไม่ทันจางหาย ของใหม่ที่ดูเหมือนว่าจะปังกว่าก็เข้ามาแทนซะแล้ว โดยล่าสุดนวัตกรรมปัญญาประดิษฐ์ที่เรียกว่า Manus AI กลายเป็นกระแสโด่งดังในวงการเทคโนโลยีจีนในชั่วข้ามคืน ด้วยความสามารถในการคิดวิเคราะห์และดำเนินงานที่ซับซ้อนได้มากกว่า
Manus ยังไม่ได้เปิดตัวสู่สาธารณะ แต่มีการจัดทำเว็บไซต์ออกมาแล้ว เว็บไซต์ทางการของ Manus นำเสนอกรณีศึกษาที่แสดงให้เห็นว่า AI ตัวนี้สามารถส่งมอบผลลัพธ์ที่สมบูรณ์ให้ได้โดยตรง ซึ่งเหนือกว่าผลิตภัณฑ์ในระดับเดียวกันของค่ายปัญญาประดิษฐ์แห่งสหรัฐฯ คือ OpenAI และยังทำลายสถิติใหม่ในการทดสอบมาตรฐาน GAIA Benchmark (เป็นชุดข้อมูลและเกณฑ์วัดประสิทธิภาพที่ใช้ในการประเมินความสามารถของโมเดล AI โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านความสามารถทั่วไปของ AI หรือความสามารถที่ครอบคลุมหลายทักษะ เช่น การให้เหตุผล การทำความเข้าใจภาษา การแก้ปัญหาทางตรรกะ และการประมวลผลข้อมูลที่ซับซ้อน) ในการทดสอบมาตรฐาน GAIA Benchmark Manus ได้คะแนนระดับ SOTA (State-of-the-Art - ระดับล้ำสมัยที่สุด) ซึ่งเหนือกว่าคู่แข่งอย่าง Deep Research ของ OpenAI
Manus สามารถจัดการงานที่ซับซ้อนหลากหลายได้ เช่น คัดกรอง หรือเรซูเม่ (สรุปประวัติส่วนบุคคล) ได้อย่างมีประสิทธิภาพเสมือนผู้เชี่ยวชาญด้านการสรรหาบุคลากร(HR) จัดการไฟล์และบีบไฟล์ได้อัตโนมัติพร้อมรับคำสั่งใหม่ได้ตลอดเวลา วิเคราะห์รายได้ครอบครัวและความต้องการเพื่อการตัดสินใจซื้อบ้าน วิเคราะห์ความสัมพันธ์ของราคาหุ้น นอกจากนี้ยังรองรับงานที่ซับซ้อน เช่น วางแผนการเดินทางแบบเฉพาะบุคคล และเปรียบเทียบกรมธรรม์ประกันภัยแบบเข้ารายละเอียดได้และให้ข้อมูลอย่างครอบคลุม
Manus AI ใช้แนวคิดทางเทคโนโลยีแบบ “Less structure, more intelligence” โดยเชื่อว่า ข้อมูลคุณภาพสูง โมเดลที่ทรงพลัง โครงสร้างที่ยืดหยุ่นและวิศวกรรมที่แข็งแกร่งจะทำให้ความสามารถของ AI ไปถึงขีดสุด
ผู้ก่อตั้ง Manus คือ นายเซียว หง (肖弘) ดังเปรี้ยงปร้างในชั่วข้ามคืน เขาเป็นศิษย์เก่าคณะวิศวกรรมซอฟต์แวร์ มหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีหัวจง (Huazhong University of Science and Technology) ที่น่าสนใจคือ นายเซียว หง เป็นผู้ที่เกิดปี 1992 ซึ่งปัจจุบันอายุเพียง 33 ปีเท่านั้น
Manus ถึงแม้ยังไม่ได้เปิดให้ใช้งานอย่างเต็มรูปแบบ ในขณะนี้อยู่ในช่วงของการเปิดให้ทดสอบในกลุ่มเล็กๆ แต่กระแสไวรัลได้แพร่กระจายไปทั่วโลกออนไลน์แล้ว Manus มีคำอธิบายผลิตภัณฑ์อีกอย่างคือเป็น AI Agent อเนกประสงค์ ในระหว่างการทดสอบนี้มีคนในวงการเทคโนโลยีอยากได้คำเชิญเพื่อเข้าร่วมการทดสอบมากมาย และสำหรับคนที่ได้ทดสอบใช้แล้วนั้นแสดงความคิดเห็นไปในทางเดียวกันว่า “นี่คือสิ่งน่าตื่นเต้นครั้งใหญ่ที่สุดหลังจากปรากฏการณ์ DeepSeek” ผลิตภัณฑ์นี้ ไม่เพียงแค่ก้าวข้ามข้อจำกัดของ AI ที่เป็นแค่ผู้ช่วย แต่ยังสามารถวางแผนได้เอง ดำเนินงานที่ซับซ้อน และส่งมอบผลลัพธ์โดยตรง ซึ่งได้ช่วยนิยามขอบเขตใหม่ของการทำงานร่วมกันระหว่างมนุษย์และ AI การเปิดตัวของ Manus ไม่เพียงเป็นก้าวกระโดดครั้งสำคัญของเทคโนโลยี AI ในจีน
Manus ถือว่าเป็น AI Agent อเนกประสงค์ตัวแรกของโลก เพราะ Manus สามารถคิด วางแผน และดำเนินงานที่ซับซ้อนได้ด้วยตัวเอง พร้อมส่งมอบผลลัพธ์ที่สมบูรณ์แบบโดยตรง โดยที่มาของชื่อ Manus ก็มาจากภาษาละตินที่แปลว่า "มือ" ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของบทบาทในฐานะ "ตัวแทนของมนุษย์" Manus สามารถนำไปใช้ในหลายสถานการณ์ได้อย่างกว้างขวาง และที่น่าสนใจมากคือ ด้านการเรียนรู้และงานข่าวต่างๆ Manus สามารถให้ข้อมูลได้เป็นอย่างดี เช่น การสร้างสื่อวิดีโอเพื่อการเรียนรู้และช่วยเขียนข่าว ช่วยจัดเตรียมสคริปต์สำหรับงานแถลงข่าวได้อีกด้วย
การทดสอบการทำงานแบบหลายหน้าที่ Manus สามารถ เขียนบทความ สร้างสไลด์การนำเสนอ (presentation) จัดทำรายงานวิเคราะห์ และออกแบบ UI ของเว็บไซต์ ได้อย่างง่ายดาย และเพราะในขณะนี้ Manus สามารถเข้าใช้งานได้ผ่านระบบ "เชิญเท่านั้น"
นักข่าวจาก "Daily Economic News" ได้รับโค้ดเชิญและทดสอบความสามารถในการเขียนบทความของ Manus นักข่าวได้ทดสอบด้วยโจทย์ง่ายๆ ว่า "เขียนข่าวแนะนำบริษัทที่พัฒนา Manus" โดยไม่มีคำสั่งเพิ่มเติมใดๆ Manus ใช้เวลาประมาณ 18 นาที ในการสร้างบทความข่าวที่มีโครงสร้างสมบูรณ์ ประกอบด้วยการแนะนำผลิตภัณฑ์ ทีมผู้พัฒนา และผลกระทบต่ออุตสาหกรรม นักข่าวผู้ทำการทดสอบเห็นผลลัพธ์ที่ได้และมองว่าประสิทธิภาพระดับนี้อาจเปลี่ยนโฉมวงการข่าวได้เลยทีเดียว!
ในการประมวลผล Manus แสดงกระบวนการทำงานแบบคล้าย "มนุษย์" อย่างแท้จริง เพราะ Manus แสดงให้ผู้ใช้เห็นทุกขั้นตอนในการประมวลผล อย่างการแสดงหน้าการเข้าเว็บไซต์ต่างๆ เพื่อค้นหาข้อมูล อีกบททดสอบหนึ่งคือ การวิเคราะห์หุ้นของบริษัทผู้ผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้า เทสลา (Tesla) และสร้างเป็นสไลด์นำเสนอ ภารกิจนี้ซับซ้อนกว่าการเขียนบทความมาก Manus ใช้เวลานานขึ้น หลังจากที่ผู้สื่อข่าวส่งคำสั่งผ่านไปประมาณ 40 นาที Manus สร้างสไลด์จำนวน 31 หน้า พร้อมรายงานวิเคราะห์หุ้น Tesla อย่างละเอียด ครอบคลุมหลายมิติ ในด้านของการเลือกรูปประกอบบทความ Manus นั้นยังทำได้ไม่ดีนัก ภาพที่ใส่มาเป็นภาพจากอินเทอร์เน็ต ยังมีองค์ประกอบที่ไม่เกี่ยวข้อง เช่น ข้อความโฆษณาและเนื้อหาที่ไม่จำเป็น
ถึงแม้ว่าสื่อจีนจะเล่นข่าว Manus AI อย่างใหญ่โต แต่ก็มีฝ่ายที่ตั้งข้อสังเกตและตั้งคำถามมากมาย เช่น มีชาวเน็ตระบุว่า Manus AI ไม่ได้รับการจับตาจากต่างประเทศเท่าใดนักหากเทียบกับในประเทศ เพราะคลิปแนะนำอย่างเป็นทางการของ Manus ทั้งบน X และยูทูป มียอดการดู การแชร์ และคอมเมนต์ไม่มากเท่าใดนัก อาจเป็นเพราะไม่สามารถหาการสนับสนุนจาก KOL ต่างประเทศได้
บางแหล่งข่าวในจีนมีข้อกังขาว่า ทีม Manus ได้รับการสนับสนุนด้านประชาสัมพันธ์ในประเทศจากบริษัท BlueFocus ซึ่งเป็นบริษัทที่มี KOL มากมายในมือซึ่งอาจเป็นเหตุผลที่ทำให้ Manus เป็นที่นิยมอย่างรวดเร็วในประเทศจีน แต่อย่างไรก็ตาม BlueFocus ออกมาแก้ข่าวแล้วว่าทีมงานของบริษัทในขณะนี้ยังไม่มีความร่วมมือกับทีม Manus ในด้านการตลาดและการโปรโมตแต่อย่างใด ทาง Manus เองก็ระบุว่า พวกเขาไม่เคยใช้เงินงบประมาณสำหรับการตลาดเลย
ข้อกังขาต่อมานอกจากเรื่องการตลาดแล้ว ยังมีประเด็นข้อสงสัยเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ของ Manus ด้วย ผู้ใช้ที่ได้ทดสอบระบบภายในบางรายให้ข้อมูลว่า โมดูลวิเคราะห์ทางการเงินของ Manus ใช้แหล่งข้อมูลเพียงแหล่งเดียวและในงานที่ซับซ้อนยังต้องอาศัยการแทรกแซงของมนุษย์อยู่ ยังมีบางคนที่มองว่า Manus ไม่มีเทคโนโลยีที่ล้ำหน้าอะไรขนาดนั้น แล้วมีข้อมูลเพิ่มเติมระบุว่า Tencent เตรียมเปิดตัวผลิตภัณฑ์ที่คล้ายกับ Manus ในเดือน พ.ค. ปีนี้ ขณะที่ ByteDance และ Alibaba ก็มีแผนจะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ลักษณะเดียวกันเช่นกัน
มีโปรแกรมเมอร์บางรายตั้งข้อสังเกตว่า กระบวนการทำงานของ Manus ที่แสดงออกมาในปัจจุบันนั้นใช้ต้นทุนสูงอย่างมหาศาล จึงไม่สามารถบรรลุเป้าหมายของปัญญาประดิษฐ์ทั่วไป (AGI - Artificial General Intelligence) ได้จริง AI Agent ต้นทุนสูงเกิดจากการใช้ Token ปริมาณมหาศาล (Token เป็นหน่วยข้อมูลที่ AI ใช้ในการประมวลผล และมีผลโดยตรงต่อต้นทุนและความเร็วของ AI) การใช้ Token ของ AI ที่มีอยู่ปัจจุบันเช่น DeepSeek 1 อักขระภาษาอังกฤษ ใช้ประมาณ 0.3 Token และ 1 อักขระภาษาจีน ใช้ประมาณ 0.6 Token และ DeepSeek-R1 คิดค่าบริการ 2.19 ดอลลาร์ต่อล้าน Token และคำสั่งหนึ่งครั้งอาจใช้ถึง 1,000 Token ได้ เช่น การแก้ปัญหาคณิตศาสตร์ระดับกลาง แต่ใน AI Agent อย่าง Manus ใช้ Token จำนวนมากต่อหนึ่งคำสั่ง เช่น คำถามทั่วไปอาจใช้ 1,000 Token งานซับซ้อน (เช่น วิเคราะห์ข้อมูลทางการเงิน) อาจใช้ล้าน Token ขึ้นไป หากค่าบริการ Manus อยู่ที่ 2 ดอลลาร์/ล้าน Token ก็อาจต้องใช้เงินหลายดอลลาร์ต่อหนึ่งงาน ดังนั้นในอนาคต Manus เหมาะกับผู้ใช้ระดับองค์กรมากกว่าผู้ใช้ทั่วไป
ทีมงานของ Manus ยังไม่มีการตอบกลับเกี่ยวกับปัญหาค่าใช้จ่ายด้านการประมวลผล
แต่กระนั้นผู้เชี่ยวชาญในวงการบางรายมองว่าด้วยต้นทุนการประมวลผลที่สูงของ Manus การขยายไปสู่การใช้งานเชิงพาณิชย์ในวงกว้างอาจยังอีกยาวไกล Manus อาจเป็นจุดเริ่มต้นของยุค AI Agent เชิงพาณิชย์ในอนาคตโดย AI Agent ไม่ได้แค่แข่งขันในตลาดซอฟต์แวร์แบบเดิมๆ เท่านั้น แต่กำลังมุ่งเป้าไปที่ตลาดบริการมูลค่าหลายล้านล้านดอลลาร์
หากเทียบกัน DeepSeek เติบโตจากเทคโนโลยีที่พิสูจน์แล้ว + การยอมรับจากผู้ใช้ ส่วน Manus เติบโตจากการตลาดที่แข็งแกร่งแต่ยังขาดความน่าเชื่อถือทางเทคนิค ดังนั้นอนาคตของ Manus ขึ้นอยู่กับว่าจะสามารถเติมเต็มจุดอ่อนที่มีอยู่ และสร้างความน่าเชื่อถือได้หรือไม่ จากเหตุการณ์ของจีนในช่วงนี้ที่มีข่าวฮือฮาด้านเทคโนโลยีด้าน AI ทำให้เราเห็นได้อย่างชัดเจนว่า ระดับของเทคโนโลยีจีนกำลังก้าวสู่ก้าวใหม่อีกขั้นแล้ว และผู้เขียนเชื่อว่า AI จะนำความเปลี่ยนแปลงสู่สังคมจีนและกระแสโลกอย่างรวดเร็วแน่นอน ในอนาคตอันใกล้ไม่แน่ว่า Manus จะกลายเป็นอีกหนึ่ง AI agent หลักของจีนที่เข้ามามีบทบาทในวงกว้างก็เป็นได้