หญิงแซ่ซู่ในเมืองหังโจวยอมจ่ายเงินซึ่งไม่ใช่น้อยๆ เลย 160,000 หยวน (ราว 747,200 บาท) เพื่อจ้างการโคลน (cloning) “โจ๊กเกอร์” สุนัขแสนรักที่ตายจากไป
การโคลนสัตว์ไม่ผิดกฎหมายในประเทศจีน แต่การปฏิบัติต้องสอดคล้องกับแนวทางจริยธรรม และบริษัทให้บริการต้องมีคุณสมบัติที่เหมาะสม
ซู่ซื้อสุนัขสายพันธุ์โดเบอร์แมนตัวนี้มาเลี้ยงเมื่อปี 2554 โจ๊กเกอร์เป็นเพื่อนสนิทที่สุดตลอดระยะเวลาสิบปีตั้งแต่เธอเรียนหนังสือจนกระทั่งเรียนจบและทำงาน ซื่อสัตย์และไว้ใจได้เสมอ เธอจึงรู้สึกปลอดภัยอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ในช่วงที่อาศัยอยู่คนเดียว
เมื่อถูกหมอผ่าตัดสดๆ โรคมะเร็งเนื้อเยื่ออ่อนที่คอตอนอายุ 9 ขวบ วางยาสลบไม่ได้ เพราะเสี่ยงว่าอาจไม่ฟื้น โจ๊กเกอร์ก็ให้ความร่วมมืออย่างกล้าหาญ แข็งแกร่ง และสงบ
ช่างแสนดีอย่างนี้ ซู่จึงต้องการคัดลอกพันธุกรรมเอาไว้ เพื่อสร้างสุนัขขึ้นมาอีกตัวที่เหมือนกันเปี๊ยบ เมื่อเวลาที่โจ๊กเกอร์ต้องกลับดาวหมา
จีนมีการโคลนสุนัขสำเร็จตัวแรกเมื่อปี 2560 ด้วยความที่มีพื้นฐานความรู้ด้านการแพทย์ ในปีนี้เองซู่จึงได้ปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญการโคลนหลายคนและตัดสินใจใช้บริการของบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ซึ่งเธอไม่เปิดเผยชื่อ โดยวางเงินจำนวนดังกล่าวล่วงหน้า
ในที่สุดโจ๊กเกอร์วัย 11 ปีก็เดินทางไปดาวหมาในเดือนพฤศจิกายน ปี 2565 ด้วยอาการหัวใจวาย หลังการตาย บริษัทโคลนนิ่งได้เก็บตัวอย่างชิ้นผิวหนังจากหน้าท้องและปลายหูของมันมาสำหรับนำไปผสมกับเซลล์ไข่ของสัตว์อื่นเพื่อสร้างตัวอ่อน จากนั้นจึงนำไปฝังในสุนัขอุ้มบุญ
ประมาณหนึ่งปีต่อมา ซูได้รับรายงานอัลตราซาวนด์ยืนยันความสำเร็จของการทดลอง พร้อมด้วยวิดีโอการเจริญเติบโตของตัวอ่อนทุกๆ 15 วัน
ก่อนตรุษจีนปี 2567 ซู่ก็ได้สุนัขตัวใหม่ ตั้งชื่อให้ว่า ลิตเติ้ลโจ๊กเกอร์ รูปลักษณ์แทบจะเหมือนโจ๊กเกอร์ต้นฉบับทุกประการ รวมถึงจุดสีดำใกล้จมูกด้วย นิสัยยังเหมือนกันไม่ว่าจะเป็นชอบขโมยถุงเท้า ลักษณะการกินน้ำ เชื่อฟังและอ่อนโยน แถมยังคาบสายจูงที่โจ๊กเกอร์ใช้มาหลายปี เดินไปมาอีกด้วย
ตอนที่โจ๊กเกอร์ตาย ซู่กลายเป็นคนนอนไม่หลับ ป่วยบ่อยๆ เจ้าโจ๊กเกอร์ตัวน้อยช่วยให้ลืมความทุกข์จากการสูญเสียได้บ้าง แต่ไม่ทั้งหมด ทุกวันนี้เธอยังคงพกสมุดบันทึกที่เต็มไปด้วยภาพถ่ายของโจ๊กเกอร์อยู่
เรื่องราวที่ซู่แบ่งปันในโซเชียลมีเดีย จุดประกายให้ผู้คนหันมาสนใจบริการโคลนนิ่งกันอย่างกว้างขวาง ชาวเน็ตบางคนตั้งคำถามว่าขบวนการโคลนจะส่งผลเสียต่อสุนัขอุ้มบุญหรือไม่
เธอชี้แจงว่า สุนัขอุ้มบุญเหล่านี้บริษัทโคลนนิ่งดูแลอย่างดี และบางตัวมีคนรักสัตว์รับไปเลี้ยงแล้ว
ชาวเน็ตอีกคน เข้าใจและสนับสนุนการตัดสินใจของซู การโคลนไม่ใช่การนำคนตายกลับมา แต่เป็นวิธีการหนึ่งที่จะสืบสานความรักต่อไป
แต่ก็มีผู้ไม่เห็นด้วย
“วิญญาณของสุนัขไม่สามารถโคลนได้ การใช้การโคลนเพื่อรับมือกับการสูญเสียสัตว์เลี้ยงเป็นเรื่องที่มนุษย์เอาตัวเองเป็นศูนย์กลางมากๆ”
“ทุกคนมีวิธีของตัวเองในการรับมือกับความเศร้าโศก แต่การโคลนอาจไม่ใช่ทางออกสำหรับการมีสุขภาพที่ดี”
ที่มา : เซาท์ไชน่ามอร์นิงโพสต์