xs
xsm
sm
md
lg

“ดีลซื้อขายแห่งศตวรรษ!” ‘ลีกาชิง’ ขายทิ้งท่าเรือทั่วโลก มูลค่า 22,800 ล้านเหรียญสหรัฐ เปลี่ยนโครงสร้างอำนาจควบคุมท่าเรือโลก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



แม้วัย 96 ปี มหาเศรษฐี ลีกาชิง ผู้ก่อตั้ง ซีเค ฮัทชิสัน โฮลดิ้งส (CK Hutchison Holdings) ยังฉลาดหลักแหลมว่องไวดั่งพญาเสือที่เขี้ยวเล็บแหลมคมในโลกธุรกิจ ล่าสุด ลีกาชิง เซอร์ไพรส์ตลาด โดยประกาศการบรรลุ “ข้อตกลงแห่งศตวรรษ” ที่ทำสถิติใหม่ในด้านการซื้อขายและการควบรวมกิจการท่าเรือโลก เมื่อดีลเสร็จสิ้นสมบูรณ์ ฮัทชิสันจะมีรายได้ทรัพย์เป็นเงินสดๆ มากกว่า 19,000 ล้านเหรียญสหรัฐ

คืนวันที่ 3 มี.ค. มีประกาศการบรรลุข้อตกลงในหลักการที่จะพลิกโฉมโครงสร้างอำนาจควบคุมท่าเรือโลก ระหว่าง CK Hutchison Holdings กับกลุ่มทุนสหรัฐฯ ที่นำโดยบริษัท BlackRock โดยเป็นข้อตกลงการซื้อขายและควบรวมกิจการท่าเรือของบริษัทในเครือ CK Hutchison Holdings

ข้อตกลงการซื้อขายสินทรัพย์ท่าเรือของ CK Hutchison ครั้งนี้ ประกอบด้วยสองส่วนหลัก คือ

1)CK Hutchison จะขายหุ้นทั้งหมด 80 เปอร์เซ็นต์ ที่ถือครองอยู่ใน Hutchison Port Holdings (HPHS) และ Hutchison Port Group Holdings Limited (HPGHL) ให้กลุ่มทุนที่นำโดย BlackRock ทั้งนี้ กิจการท่าเรือของฮัทชิสันที่ CK Hutchison จะขายทิ้งหุ้นทั้งหมด ประกอบด้วยสินทรัพย์ ได้แก่ ท่าเรือ 43 แห่ง ใน 23 ประเทศในเอเชีย ยุโรป และอเมริกา รวมทั้งท่าเทียบเรือ 199 แห่ง พร้อมระบบจัดการท่าเรืออัจฉริยะ เครือข่ายโลจิสติกส์ระหว่างประเทศ และทรัพยากรหลักอื่นๆ

2)CK Hutchison จะขายหุ้น 90 เปอร์เซ็นต์ที่ Hutchison Port Group ถือยู่ใน Panama Port Company (PPC) ให้กลุ่มทุนที่นำโดย BlackRock, PPC เป็นเจ้าของและดำเนินการท่าเรือในคลองปานามาสองแห่งคือ Balboa และ Cristobal

ภาพทางเข้าท่าเรือ Balboa Port หนึ่งในท่าเรือใหญ่คลองปานามา (แฟ้มภาพ รอยเตอร์)
ในการประกาศข้อตกลง เน้นย้ำว่า ข้อตกลงขายทิ้งหุ้นกิจการท่าเรืองของฮัทชิสัน ไม่รวม Hutchison Ports Trust ซึ่งควบคุมท่าเรือในจีนแผ่นดินใหญ่ และฮ่องกง รวมทั้งเหยียนเถียน อินเตอร์เนชันนัล คอนเทนเนอร์ เทอมินัลส์ (Yantian International Contianer Terminals) ฮ่องกง อินเตอร์เนชันนัล เทอมินัลส์ (Hongkong International Terminals) และสินทรัพย์ทางยุทศาสตร์อื่นๆ

ในประกาศฯระบุว่า มูลค่าสินทรัพย์ทึ่ Hutchison Port Holdings จะขายเท่ากับ 22,800 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยจะมีการทำข้อตกลงขั้นสุดท้ายภายในวันที่ 2 เม.ย.นี้ คาดว่าหลังจากที่ขั้นตอนการซื้อขายเสร็จสิ้นสมบูรณ์ CK Hutchison จะมีรายได้เงินสดเข้ากระเป๋า 19,000 ล้านเหรียญสหรัฐ

รายงานข่าวทั่วไปเผยว่า การที่ลีกาชิงขายทิ้งหุ้นกิจการท่าเรือนี้ มีเหตุมาจากแรงกดดันของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งหลังจากชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ทรัมป์กล่าวหลายครั้งว่าทำเนียบขาวต้องการทวงคืนอำนาจควบคุมคลองปานามา และชี้ว่าการที่ฮัทชิสันถือหุ้นใหญ่ของบริษัทท่าเรือในปานามา ทำให้จีนได้ประโยชน์อีกทั้งยังเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงและผลประโยชน์การค้าของสหรัฐฯ

หลังจากที่ทรัมป์แสดงความวิตกเรื่องภัยคุกคามและผลประโยชน์จีนจากการควบคุมท่าเรือในต่างแดนของฮัทชิสัน รัฐบาลปานามาก็ขานรับโดยดำเนินการตรวจสอบ Panama Ports Company ซึ่งเป็นเจ้าของและดำเนินการท่าเรือสองแห่งในประเทศปานามามาตั้งแต่ปี 1997 และ Panama Ports Company ยังถูกฟ้องร้องเกี่ยวกับสัญญาท่าเรืออีกด้วย

ทั้งนี้ คลองปานามาเชื่อมระหว่างมหาสมุทรแปซิฟิกและมหาสมุทรแอตแลนติก ถือเป็น “เส้นทางน้ำสายทองคำ” ของภาคการขนส่งทางเรือ มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งยวดในการพัฒนาเศรษฐกิจและการค้าโลก โดยร้อยละ 6 ของการค้าทางทะเลของโลกพึ่งพิงเส้นทางเดินเรือนี้

ในสัปดาห์ที่ผ่านมานี้ ทรัมป์ยังเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนทั้งหมดอีกร้อยละ 20 เป็นการกระตุ้นหนวดพญามังกรให้ออกมาตรการโต้ตอบ

กราฟิกแสดงที่ตั้งท่าเรือสองแห่ง Balboa และ Cristobal ของบริษัทท่าเรือฮัทชิสัน ในคลองปานามา ที่จะขายหุ้นทิ้งให้กลุ่มทุนอเมริกัน (ภาพกราฟิกจากสื่อจีน)
หลังการประกาศดีลฯดังกล่าว ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ได้ออกโรงแสดงความยินดีปรีดากับการบรรลุข้อตกลงนี้

แหล่งข่าววงในเผยว่าฮัทชิสันจัดแผนการขายท่าเรือไม่กี่วันที่ทรัมป์สาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีและยังย้ำอีกว่าจะทวงคืนคลองปานามา โดยฮัทชิสันมองว่าการขายกิจการท่าเรือเป็นโอกาสที่จะดึงเงินสดมาไว้ในมือในสถานการณ์ตึงเครียดด้านภูมิรัฐศาสตร์โลก และกำแพงการค้าจะทำให้อนาคตธุรกิจท่าเรือไม่สดใสราบรื่น

“ด้วยประเด็นภูมิรัฐศาสตร์ที่รุนแรง การสู้คดีข้อพิพาทในศาลสหรัฐฯ อาจหลีกเลี่ยงไม่ได้ในอนาคต และผลลัพธ์น่าจะออกมาไม่ดี” คนวงในกล่าวโดยอ้างถึงกรณีที่สหรัฐฯ เคลื่อนไหวซื้อหุ้นเพื่อยึดอำนาจควบคุมคลองปานามา

ผู้เชี่ยวชาญด้านโลจิสติกส์และการเดินเรือ ชี้ว่าการเปลี่ยนแปลงด้านภูมิรัฐศาสตร์ “กระตุก” ให้ฮัทชิสันประเมินทรัพย์สินของตน และตัดสินใจอย่างรวดเร็วในการขายกิจการท่าเรือในต่างแดน

“การรักษากรรมสิทธิ์เจ้าของกิจการท่าเรือ จะทำให้ฮัทชิสันถูกตรวจสอบอย่างหนัก จนอาจโดนคว่ำบาตรและการดำเนินการของบริษัทจะชะงักงัน โดยเฉพาะในยุคที่ทรัมป์กุมอำนาจอยู่เช่นนี้ ข่าวด้านลบที่ออกมาจะทำให้หุ้นของบริษัทโดนแขวน (overhang)”

“นับเป็นดีลที่ยอดเยี่ยม ทั้งในมุมของการเงินและมุมของภูมิรัฐศาสตร์” David Blennerhassett นักวิเคราะห์ประจำบริษัทวิจัยด้านการเงิน Quiddity Advisors ผู้ตีพิมพ์หนังสือ Smartkarma “ลีกาชิง เป็นยอดนักธุรกิจที่ฉลาดหลักแหลม”


กำลังโหลดความคิดเห็น