เมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2568 หวังอี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของจีน ได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนในการประชุมสภานิติบัญญัติระดับชาติของจีน (NPC) ที่กรุงปักกิ่ง โดยพูดถึงแนวทางนโยบายการต่างประเทศของจีนในปีนี้ รวมถึงบทบาทของจีนในเวทีโลก ความสัมพันธ์กับรัสเซีย การแก้ไขปัญหาข้ามพรมแดน และความร่วมมือกับประเทศกำลังพัฒนา โดยมีประเด็นสำคัญ สรุปได้ดังนี้
1.ความสัมพันธ์จีน-รัสเซียยังคงมั่นคง แม้มีแรงกดดันจากภายนอก
หวังอี้เน้นว่าความสัมพันธ์ระหว่างจีนและรัสเซียเป็นไปอย่างแน่นแฟ้นและมั่นคง แม้จะมีสถานการณ์ระหว่างประเทศที่เปลี่ยนแปลงไป หรือแรงกดดันจากประเทศที่สาม โดยจีนและรัสเซียได้กำหนดแนวทางความสัมพันธ์ที่ชัดเจนว่า "ไม่เป็นพันธมิตรทางทหาร ไม่เผชิญหน้ากัน และไม่มุ่งเป้าไปยังบุคคลที่สาม" ซึ่งถือเป็นรูปแบบความสัมพันธ์ที่ให้ความสำคัญกับความร่วมมือและผลประโยชน์ร่วมกัน
หวังอี้กล่าวว่า ปีที่แล้ว ผู้นำของทั้งสองประเทศพบกันแบบตัวต่อตัวถึง 3 ครั้ง เพื่อกระชับความร่วมมือในหลายด้าน รวมถึงการค้า การพัฒนาเศรษฐกิจ และความมั่นคงในภูมิภาค นอกจากนี้ ปีนี้จีนและรัสเซียยังมีแผนจัดกิจกรรมสำคัญร่วมกัน เช่น การเฉลิมฉลองครบรอบ 80 ปีแห่งชัยชนะสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งทั้งสองประเทศต้องการใช้โอกาสนี้เพื่อเน้นย้ำถึงบทบาทในประวัติศาสตร์ และปกป้องระเบียบโลกที่ยึดมั่นในความเป็นธรรม
2.จีนกวาดล้างแก๊งอาชญากรรมข้ามพรมแดน ปราบปรามขบวนการฉ้อโกงออนไลน์
หนึ่งในประเด็นสำคัญที่หวังอี้กล่าวถึง คือความสำเร็จของจีนในการกวาดล้างเครือข่ายฉ้อโกงทางออนไลน์ตามแนวชายแดน โดยเขาระบุว่า พื้นที่ที่เคยเป็นฐานปฏิบัติการของกลุ่มมิจฉาชีพถูกกำจัดไปหมดแล้ว
ขณะเดียวกัน จีนยังทำงานร่วมกับไทย พม่า และลาว เพื่อจัดการกับขบวนการฉ้อโกงออนไลน์ที่แพร่ระบาดบริเวณชายแดนไทย-พม่า โดยมีเป้าหมายหลักคือ "ตัดมือมืดที่เข้าไปถึงประชาชน" และ "กำจัดมะเร็งร้ายแห่งอาชญากรรมไซเบอร์" รัฐบาลจีนมุ่งมั่นที่จะใช้มาตรการที่เข้มข้นเพื่อปกป้องประชาชนจากการถูกหลอกลวงผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์
3.บทบาทของจีนในเวทีโลก และการส่งเสริมเสถียรภาพระหว่างประเทศ
หวังอี้กล่าวว่า ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา จีนมีบทบาทสำคัญในการรักษาเสถียรภาพของโลก และจะยังคงเป็นพลังที่มั่นคงท่ามกลางความไม่แน่นอนที่เพิ่มขึ้น จีนจะดำเนินนโยบายต่างประเทศโดยปกป้องผลประโยชน์ของชาติ จะไม่ยอมให้มีการแทรกแซงกิจการภายในจากต่างชาติ และพร้อมตอบโต้หากถูกกดดันจากประเทศอื่น จีนจะรักษาสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศ จีนจะขยายความร่วมมือทางการทูต และช่วยเหลือประเทศกำลังพัฒนาในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง
นอกจากนี้ จีนจะยืนหยัดต่อต้านอำนาจนิยม และผลักดันแนวคิดความร่วมมือที่เป็นธรรมสำหรับทุกประเทศ
4.ความสัมพันธ์จีน-อาเซียน และข้อพิพาทในทะเลจีนใต้
หวังอี้ยืนยันว่าจีนและอาเซียนยังคงมีความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่ง แม้ว่าจะมีปัญหาความขัดแย้งกับฟิลิปปินส์ในทะเลจีนใต้ โดยจีนยืนยันว่า พร้อมเจรจาหาข้อตกลงร่วมกับอาเซียนเกี่ยวกับ "แนวปฏิบัติในทะเลจีนใต้" (Code of Conduct - COC) เพื่อป้องกันข้อพิพาทลุกลาม และรักษาเสถียรภาพของภูมิภาค
นอกจากนี้ จีนยังได้ทำข้อตกลงความร่วมมือทางทะเลกับอินโดนีเซีย และเริ่มเจรจากับมาเลเซียเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาทางทะเล ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของจีนในการลดความขัดแย้งและเสริมสร้างความร่วมมือ
5.การตอบโต้แรงกดดันจากสหรัฐฯ และแนวทางเศรษฐกิจของจีน
หวังอี้กล่าวถึงแรงกดดันจากสหรัฐฯ ต่อจีน โดยเฉพาะการเพิ่มภาษีศุลกากรและการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ เขาเตือนว่าสหรัฐฯ ควรพิจารณาว่านโยบายเหล่านี้สร้างผลกระทบเชิงบวกต่อเศรษฐกิจของตัวเองหรือไม่ พร้อมเน้นว่า การทำสงครามการค้ากับจีนจะส่งผลเสียมากกว่าผลดี
ในด้านเศรษฐกิจ หวังอี้ระบุว่า ปีที่แล้วเศรษฐกิจจีนเติบโต 5% แม้จะเผชิญแรงกดดันจากปัจจัยภายนอก ซึ่งสะท้อนถึงศักยภาพของตลาดจีนที่ยังคงแข็งแกร่ง จีนจะเดินหน้าปรับปรุงสภาพแวดล้อมทางธุรกิจ ลดข้อจำกัดในการลงทุน และเปิดโอกาสให้บริษัทต่างชาติสามารถเข้าถึงตลาดจีนได้มากขึ้น
6.ความร่วมมือกับประเทศกำลังพัฒนา และการสร้างพันธมิตรใหม่
จีนให้ความสำคัญกับประเทศกำลังพัฒนา โดยจะขยายความร่วมมือในโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การค้า และเทคโนโลยี กับประเทศในแอฟริกา ละตินอเมริกา และอาเซียน
ปีนี้จีนจะจัดประชุมสุดยอดองค์การความร่วมมือเซี่ยงไฮ้ (SCO) และประชุมความร่วมมือจีน-ละตินอเมริกา ซึ่งคาดว่าจะช่วยกระชับความร่วมมือกับพันธมิตรใหม่ และเปิดโอกาสทางเศรษฐกิจให้หลายประเทศ
ที่มา เว็บไซต์กระทรวงการต่างประเทศจีน