จีนได้กำหนดเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจประจำปี 2025 อยู่ที่ราวร้อยละ 5 ซึ่งสะท้อนแนวโน้มอันดีแม้เกิดความไม่แน่นอนเพิ่มขึ้นทั่วโลก โดยเหล่าผู้กำหนดนโยบายต่างมุ่งมั่นจะรักษาการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของเศรษฐกิจผ่านมาตรการเชิงรุกอันมีประสิทธิภาพ
หลี่เฉียง นายกรัฐมนตรีจีน ประกาศเป้าหมายข้างต้นขณะนำเสนอรายงานการปฏิบัติงานของรัฐบาลต่อที่ประชุมประจำปีของสภาผู้แทนประชาชนแห่งชาติ (NPC) เพื่อการพิจารณาเมื่อวันพุธ (5 มี.ค.) โดยรายงานดังกล่าวยังระบุเป้าหมายการพัฒนาสำคัญอื่นๆ ของปีนี้ ทั้งรักษาอัตราว่างงานในเมืองกลุ่มสำรวจอยู่ที่ราวร้อยละ 5.5 สร้างตำแหน่งงานใหม่ในเมืองกว่า 12 ล้านอัตรา และเพิ่มดัชนีราคาผู้บริโภคราวร้อยละ 2
จีนนั้นบรรลุการเติบโตทางเศรษฐกิจร้อยละ 5 ในปี 2024 หลังจากชุดนโยบายที่ส่งผลสัมฤทธิ์ กอปรกับมาตรการส่งเสริมการเติบโตอื่นๆ ได้ช่วยกระตุ้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจอย่างมาก
ทั้งนี้ ปี 2025 นับเป็นปีสุดท้ายของแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมระยะ 5 ปี ฉบับที่ 14 (2021-2025) ของจีน และมีความสำคัญต่อการร่างแผนพัฒนาของช่วง 5 ปีข้างหน้า บรรดานักสังเกตการณ์เชื่อว่านโยบายของรัฐบาลจีนจะไม่เพียงขับเคลื่อนการเติบโตต่อเนื่องในปีนี้ แต่ยังวางรากฐานสำหรับความพยายามสร้างความทันสมัยในระยะยาวของจีนด้วยเป้าหมายที่สมเหตุสมผลและบรรลุได้
ทำไมรัฐบาลจีนยังคงกำหนดเป้าหมายการเติบโตอยู่ที่ราวร้อยละ 5
หลี่เฉียงอธิบายว่าเป้าหมายนี้ตอบโจทย์ความจำเป็นในการรักษาเสถียรภาพการจ้างงาน ป้องกันความเสี่ยง และยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน รวมถึงสอดคล้องกับเป้าประสงค์ระยะกลางและระยะยาวของจีน โดยมีแรงสนับสนุนจากศักยภาพการเติบโตและสภาพการณ์อันเอื้ออำนวย
หวงฉวินฮุ่ย ที่ปรึกษาทางการเมืองระดับชาติจากสถาบันเศรษฐศาสตร์ สังกัดสถาบันบัณฑิตสังคมศาสตร์แห่งชาติจีน กล่าวว่าเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจของปีนี้มีความสมเหตุสมผลและความเป็นไปได้จริง บ่งชี้ว่าจีนพร้อมเผชิญกับความไม่แน่นอนด้วยแนวทางการเติบโตที่ชัดเจนและมั่นคง
ขณะเดียวกัน อัตราการเติบโตราวร้อยละ 5 ยังทำให้จีนจัดอยู่ในกลุ่มประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่มีการเติบโตรวดเร็วที่สุดในโลก โดยมีการขยายตัวทางเศรษฐกิจเทียบเท่ากับผลผลิตรายปีของประเทศเศรษฐกิจขนาดกลาง
อย่างไรก็ดี หลี่เฉียงกล่าวว่าการบรรลุเป้าหมายของปีนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายและต้องพยายามอย่างหนัก เนื่องด้วยสารพัดความท้าทายจากสภาพแวดล้อมภายนอกอันซับซ้อนและรุนแรงเพิ่มขึ้น ทั้งการกระทำเพียงฝ่ายเดียวและการกีดกันทางการค้าที่เพิ่มขึ้น รวมถึงอุปสรรคความยากลำบากภายในประเทศ เช่น ขาดแคลนอุปสงค์ที่มีประสิทธิภาพ
หลี่เฉียงเรียกร้องการเผชิญหน้ากับอุปสรรคความยากลำบากอย่างกล้าหาญและความเชื่อมั่นในการพัฒนาเพิ่มขึ้น โดยรายงานการปฏิบัติงานของรัฐบาลจีนระบุว่าจีนจะดำเนินนโยบายการคลังเชิงรุกและนโยบายการเงินแบบผ่อนปรนปานกลางเพิ่มขึ้น
นโยบายการเงินแบบผ่อนปรนปานกลางจะสร้างสภาพคล่องทางการเงินที่เพียงพอด้วยการตัดลดอัตราส่วนสินทรัพย์สภาพคล่อง (RRR) และอัตราดอกเบี้ย ณ เวลาที่เหมาะสม และเพิ่มการสนับสนุนการสร้างสรรค์นวัตกรรม การพัฒนาสีเขียว การบริโภค ธุรกิจเอกชน และบริษัทขนาดเล็ก รวมถึงอสังหาริมทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
เถียนเซวียน สมาชิกสภานิติบัญญัติระดับชาติ และประธานสถาบันวิจัยการเงินแห่งชาติ สังกัดมหาวิทยาลัยชิงหัว กล่าวว่าการผสมผสานนโยบายดังกล่าวจะมีบทบาทสำคัญในการรักษาทิศทางการฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งของเศรษฐกิจจีนที่ปรากฏในไตรมาสสี่ (ตุลาคม-ธันวาคม) ของปี 2024 ในปีนี้
เมื่อไม่นานนี้ กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) สถาบันวิจัยโนมูระ (Nomura) และสถาบันระดับโลกแห่งอื่นๆ ได้ปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์การเติบโตของจีน โดยลู่ถิ่ง หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จีนประจำโนมูระ กล่าวว่าการปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์อ้างอิงผลการดำเนินงานทางเศรษฐกิจที่ดีกว่าคาดในไตรมาสสี่ของปี 2024 การลงทุนที่เพิ่มขึ้นในภาคธุรกิจเกิดใหม่ ตั้งแต่ปัญญาประดิษฐ์ (AI) จนถึงการประมวลผลคลาวด์ ตลาดหุ้นและตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่พัฒนาดีขึ้น
มีพลวัตและความยั่งยืนเพิ่มขึ้น
การบ่มเพาะการพัฒนาที่มีคุณภาพสูงเป็นวาระสำคัญของรัฐบาลจีนในปีนี้ ควบคู่กับพันธกิจอื่นๆ ตั้งแต่กระตุ้นอุปสงค์ภายในประเทศจนถึงพัฒนาพลังการผลิตใหม่ที่มีคุณภาพ โดยหลี่เฉียงกล่าวว่าจีนจะดำเนินแนวทางที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลางและนโยบายเศรษฐกิจที่มุ่งเน้นการยกมาตรฐานชีวิตความเป็นอยู่และกระตุ้นการใช้จ่ายของผู้บริโภค
รายงานการปฏิบัติงานของรัฐบาลจีนระบุว่าอุปสงค์ภายในประเทศจะเป็นตัวขับเคลื่อนหลักของการเติบโตทางเศรษฐกิจ และจีนจะออกพันธบัตรรัฐบาลที่มีอายุยาวนานพิเศษรวม 3 แสนล้านหยวน (ราว 1.4 ล้านล้านบาท) เพื่อสนับสนุนโครงการซื้อขายแลกเปลี่ยน (trade-in) สินค้าอุปโภคบริโภค
จีนจะบ่มเพาะพลังการผลิตใหม่ที่มีคุณภาพให้สอดคล้องกับสภาพการณ์ท้องถิ่น โดยจีนตั้งเป้าหมายส่งเสริมอุตสาหกรรมเกิดใหม่และอุตสาหกรรมแห่งอนาคต เช่น เทคโนโลยีควอนตัมและเศรษฐกิจการบินระดับต่ำ เร่งการปรับปรุงอุตสาหกรรมดั้งเดิม และผสมผสานเทคโนโลยีดิจิทัล เช่น ปัญญาประดิษฐ์ (AI) เข้ากับจุดแข็งทางการผลิตและการตลาด
การแสวงหาทิศทางการเติบโตใหม่ๆ ได้นำพาความคึกคักมีชีวิตชีวามาสู่เศรษฐกิจจีนอีกครั้งตั้งแต่เริ่มต้นปีนี้ ดังเช่นตลาดผู้บริโภคมีชีวิตชีวาด้วยภาพยนตร์แอนิเมชันจีน “นาจา 2” และความก้าวหน้าสำคัญในเทคโนโลยีล้ำสมัย ซึ่งรวมถึงการผงาดขึ้นมาของดีปซีค (DeepSeek)
กลุ่มนักวิเคราะห์สำทับถึงความแข็งแกร่งของอุตสาหกรรมเทคโนโลยีจีนท่ามกลางภูมิทัศน์ระหว่างประเทศที่สลับซับซ้อน และศักยภาพมหาศาลของตลาดภายในประเทศ ขณะเดียวกัน ทิศทางการเติบโตใหม่ๆ ยังสร้างโอกาสแก่นักลงทุนและธุรกิจต่างชาติด้วย
รายงานการปฏิบัติงานของรัฐบาลจีนยืนยันความมุ่งมั่นเปิดกว้างของจีนด้วยแผนริเริ่มต่างๆ ทั้งขยายการทดลองเปิดกว้างภาคธุรกิจโทรคมนาคม การบริการทางการแพทย์ และการศึกษา ตลอดจนสนับสนุนผู้ประกอบการต่างชาติเข้าร่วมการประสานงานห่วงโซ่อุตสาหกรรม
แนนซี หลิว ประธานดีเอฟเอส ไชน่า (DFS China) บริษัทด้านการท่องเที่ยวหรูหรา กล่าวว่ารายงานการปฏิบัติงานของรัฐบาลจีนส่งสัญญาณชัดเจนว่าจีนจะยังคงขยายการเปิดกว้างและปรับปรุงสภาพแวดล้อมทางธุรกิจต่อไป โดยการเปิดกว้างของจีนสร้างโอกาสมากมายแก่บริษัท ซึ่งได้ลงทุนครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 60 ปี ในมณฑลไห่หนาน (ไหหลำ) ทางตอนใต้ของจีน และบริษัทเชื่อมั่นเต็มที่ในการพัฒนาระยะยาวของตลาดจีน
ที่มา สำนักข่าวซินหัว