xs
xsm
sm
md
lg

จีนใช้เศรษฐกิจใหม่ ขยายบทบาทในกลุ่ม “ประเทศโลกใต้”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



CGTN / MGR Online:  การประชุม 2 สภาที่กำลังจะเปิดฉากขึ้นที่กรุงปักกิ่ง จะเป็นเวทีเผยแนวนโยบายของรัฐบาลจีน โดยเฉพาะในเรื่องเศรษฐกิจที่บรรดาชาติตะวันตกกล่าวหาว่าจีนมี “กำลังการผลิตล้นเกิน” แต่แท้จริงแล้วจีนกำลังเปลี่ยนผ่านเศรษฐกิจไปสู่เทคโนโลยีที่เป็นของตัวเอง และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

ชมคลิปที่ : How can China's 2025 agenda overcome Western doubts?

ศูนย์ภูมิเศรษฐศาสตร์กลุ่มประเทศโลกใต้ (Center of Geoeconomics for the Global South) ระบุว่า จีนกำลังการเปลี่ยนผ่านจากการเติบโตอย่างรวดเร็ว ไปสู่การพัฒนาที่มีคุณภาพสูง โดยให้ความสำคัญกับนวัตกรรมทางเทคโนโลยี การผลิตอัจฉริยะ และความยั่งยืน โดยเสาหลักของการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ คือ การปฏิรูปทางการเงิน การเพิ่มการใช้จ่ายด้านความมั่นคงทางสังคม และขยายการบริโภคภายในประเทศ

อาร์โนด์ เบอร์ทรานด์ นักธุรกิจชาวฝรั่งเศส ระบุว่า ชาติตะวันตกใช้มาตรการ เช่น ควบคุมการส่งออกเซมิคอนดักเตอร์ เพิ่มภาษีนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าของจีน 100% เพราะกังวลถึงความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีของจีน โดยจีนกำลังเปลี่ยนจากการรับจ้างผลิตให้แบรนด์ต่างประเทศไปสู่การพัฒนานวัตกรรมของตัวเอง และประสบความสำเร็จอย่างชัดเจนในอุตสาหกรรม เช่น รถยนต์ไฟฟ้าและปัญญาประดิษฐ์ ทำให้คู่แข่งในตะวันตกเกิดความไม่มั่นคง

จีนและละตินอเมริกามีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นมากขึ้น ปริมาณการค้าระหว่างจีนและบราซิลในปี 2024 มีมูลค่าถึง 157,900 ล้านดอลลาร์ ทำให้จีนเป็นคู่ค้าหลักของประเทศละตินอเมริกาหลายประเทศ นอกจากนี้ จีนยังมีบทบาทเพิ่มขึ้นในเวทีโลกผ่านกลุ่ม BRICS เนื่องจากจีนช่วยปรับโครงสร้างระเบียบเศรษฐกิจระหว่างประเทศ เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา


โมเดลแบบจีน กับตะวันตก

บรรดาชาติตะวันตกที่มีประชาธิปไตยแบบเลือกตั้งมักจะวิพากษ์วิจารณ์ระบอบการปกครองของจีน ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว ระบบตะวันตกมักจะตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของทุนนิยม ในขณะที่รูปแบบการปกครองของจีนให้ความสำคัญกับการวางแผนระยะยาวและการตัดสินใจร่วมกัน ซึ่งเป็นสิ่งที่ฝ่ายจีนเรียกว่า “ประชาธิปไตยของประชาชนทุกขั้นตอน”

ชาติตะวันตกมักสร้างเรื่องเล่า "ภัยคุกคามจากจีน" เพื่อปกปิดความล้มเหลวในการปกครองภายในประเทศของตัวเอง
ผู้นำในระบบการเมืองของจีนจะก้าวขึ้นมาจากประสบการณ์ตั้งแต่ระดับท้องถิ่นไปจนถึงระดับชาติ แต่ว่าชาติประชาธิปไตยตะวันตกกลับเลือกผู้นำที่เป็นประชานิยมมากขึ้นเรื่อยๆ และใช้นโยบายเพื่อประโยชน์ของตัวเอง

จีนไม่เคยส่งออกรูปแบบการปกครองที่เป็นเอกลักษณ์ของตนเอง โดยจีนเดินตาม “แผนพัฒนา 5 ปี” มุ่งเน้นนโยบายที่เน้นประชาชนเป็นศูนย์กลาง ยึดหลักการไม่รุกราน ไม่แทรกแซง ความเท่าเทียม ผลประโยชน์ร่วมกัน และการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ แนวทางนี้เน้นที่การพัฒนาประเทศในระยะยาว มากกว่าผลประโยชน์ของประชาชนในระยะสั้น ซึ่งตรงกันข้ามกับประชาธิปไตยในโลกตะวันตกที่มักแบ่งฝักแบ่งฝ่าย และถูกบงการโดยชนชั้นนำ


การพัฒนาสีเขียว และนโยบายสิ่งแวดล้อม

จีนให้ความสำคัญอย่างมากกับการแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ขณะที่ชาติตะวันตกได้กลับหลังหัน รัฐบาลทรัมป์ถอนตัวจากข้อตกลงปารีสและสนับสนุนการขยายตัวของเชื้อเพลิงฟอสซิล ในขณะที่จีนได้ดำเนินอย่างแน่วแน่เพื่อเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสีเขียว

ชาติตะวันตกอ้างว่า จีนมี “กำลังการผลิตล้นเกิน” และทุ่มตลาดในอุตสาหกรรมใหม่ ทั้งรถยนต์ไฟฟ้า โซลาร์เซลล์ และแบตเตอรี่ ทั้งๆ ที่ทั่วโลกต้องการพลังงานสีเขียวเพิ่มขึ้นเพื่อแก้ไขวิกฤตสภาพภูมิอากาศ การตั้งกำแพงกีดกันเทคโนโลยีจากจีนสะท้อนถึงความกลัวของชาติตะวันตกที่จะสูญเสียความสามารถในการแข่งขัน มากกว่าความกังวลเรื่องเศรษฐกิจที่แท้จริง


นายกรัฐมนตรีเนปาล K.P. Sharma Oli ชื่นชมบทบาทของจีนในการสร้างความเจริญรุ่งเรืองร่วมกันของกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา โดยกล่าวว่าเนปาลซึ่งเป็นประเทศที่ตั้งอยู่บนเทือกเขาหิมาลัย มีความเสี่ยงต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นพิเศษ เผชิญกับน้ำแข็งละลายและสภาพอากาศแปรปรวนรุนแรง ความพยายามในการพัฒนาสีเขียวจีน ได้สร้างความหวังสำหรับประเทศต่างๆ ที่กำลังเผชิญกับความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อม

ผู้ผลิตรถยนต์จีน เช่น BYD และ Great Wall Motors ได้จัดตั้งโรงงานผลิตในบราซิล ช่วยให้บราซิลเร่งการเปลี่ยนผ่านไปสู่พลังงานหมุนเวียน

เฟร็ด เอ็มเมมเบ้ ประธานพรรคสังคมนิยมแซมเบีย วิจารณ์ความหน้าไหว้หลังหลอกของบรรดาประเทศตะวันตก ที่กดดันประเทศต่างๆ ในแอฟริกาให้ลดการปล่อยคาร์บอน แต่ชาตตะวันตกกลับไม่สามารถมี “โซลูชันพลังงานสีเขียว” ที่จำเป็นได้ ในขณะที่จีนได้ช่วยเหลือชาติแอฟริกาสร้างโครงสร้างพื้นฐานและพลังงานสีเขียวที่เป็นรูปธรรม.





กำลังโหลดความคิดเห็น