กระทรวงการคลังของสหรัฐอเมริกาประกาศคว่ำบาตรบริษัทในฮ่องกงและจีนแผ่นดินใหญ่เพิ่มอีก 6 แห่ง หลังจากประกาศคว่ำบาตรบริษัทสัญชาติจีนไปแล้ว 2 แห่งเมื่อต้นเดือน โทษฐานเป็นบริษัทบังหน้าในการจัดหาชิ้นส่วนประกอบโดรนและขีปนาวุธให้แก่อิหร่าน ซึ่งถือเป็นการละเมิดคำสั่งห้ามของสหรัฐฯ
บริษัท 2 แห่งแรก ได้แก่ บริษัทตู้หลิง เทคโนโลยี เอชเค (Duling Technology HK) กับแอดแวนเทจ เทรดดิง คอมปานี (Advantage Trading Company) ทั้งสองมีความเกี่ยวข้องกับบริษัท PKGB ของอิหร่าน และ NSMI ซึ่งอยู่ในเครือ PKGB
เมื่อบริษัททั้งสองถูกปิดกั้น อิหร่านจึงต้องหาเครือข่ายจัดส่งใหม่ซึ่งคือบริษัท 6 แห่งที่ถูกคว่ำบาตรเมื่อวันพุธ (26 ก.พ.) โดยนายสก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังระบุว่า อิหร่านยังคงพยายามค้นหาวิธีการใหม่ๆ ในการจัดหาชิ้นส่วนประกอบสำคัญที่จำเป็นสำหรับสนับสนุนโครงการอาวุธ (โดรน)
ด้านกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐฯระบุว่า อิหร่านส่งขีปนาวุธและโดรนไปให้รัสเซียและกลุ่มตัวแทนการก่อการร้ายของอิหร่าน รวมถึงใช้ทำลายเสถียรภาพในตะวันออกกลาง
บริษัททั้ง 8 แห่ง รวมถึงประธานบริษัทถูกกล่าวหาว่า ส่งออกผลิตภัณฑ์ที่มีต้นกำเนิดในสหรัฐฯ และให้การสนับสนุนทางการเงิน วัสดุ เทคโนโลยี หรืออื่นๆ แก่บริษัทอิหร่าน โดยทั้งหมดจะถูกยึดทรัพย์สินที่มีอยู่ในสหรัฐฯ ถูกจำกัดวีซ่า และบทลงโทษอื่นๆ ในขณะที่สถาบันการเงินที่ทำธุรกิจกับบริษัทเหล่านี้ก็เสี่ยงถูกคว่ำบาตรได้เช่นกัน
ฝ่ายสถานทูตจีนประจำกรุงวอชิงตันดี.ซี.แถลงตอบโต้ว่า ความสัมพันธ์ระหว่างปักกิ่งกับเตหะรานมิได้ไปทำร้ายชาติอื่น เป็นความร่วมมือกันตามปกติซึ่งชอบด้วยเหตุผลและกฎหมายภายในกรอบของกฎหมายระหว่างประเทศ
“จีนคัดค้านอย่างหนักแน่นต่อการคว่ำบาตรฝ่ายเดียวซึ่งสหรัฐฯ เป็นผู้กำหนดและขัดต่อกฎหมาย และจะปกป้องสิทธิและผลประโยชน์อันชอบธรรมของบริษัทและพลเมืองของจีนอย่างแข็งขัน”
ตามข้อมูลของกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ชิ้นส่วนของสหรัฐฯ จำนวนมาก ที่บริษัท PKGB ได้ไปนั้นไปอยู่ในโดรนตระกูลชาเฮด (Shahed) หรือที่รู้จักในชื่ออากาศยานไร้คนขับ (UAV) ซึ่งผลิตโดยศูนย์วิจัยอุตสาหกรรมการบินชาเฮดของอิหร่าน PKGB ยังมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับหน่วยงานทางทหารของอิหร่านหลายแห่ง รวมถึงกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลาม ซึ่งเป็นหน่วยทหารชั้นยอด
ตามรายงานในปี 2566 ของสถาบันวิทยาศาสตร์และความมั่นคงระหว่างประเทศ ได้มีการวิเคราะห์ส่วนประกอบของโดรนพลีชีพชาเฮด-136 พบว่า ในจำนวนส่วนประกอบทั้ง 140 ชิ้นนั้น เป็นชิ้นส่วนที่ผลิตในสหรัฐฯ ถึงราวร้อยละ 80 โดรนเหล่านี้ถูกนำไปใช้โจมตียูเครนอย่างแพร่หลาย สามารถต้านทานการสกัดจากยูเครน โดยสถาบันล่วงรู้ข้อมูลจากเอกสารภายในของเจเอสซี อะลาบูกา (JSC Alabuga) บริษัทรัสเซียซึ่งทำงานกับชาวอิหร่านในการประกอบชาเฮด-136 ที่โรงงานในแดนพญาหมีขาว
บริษัทจีนที่ถูกคว่ำบาตรอีก 6 แห่งได้แก่บริษัทติงไท่ อินดัสเทรียล เทคโนโลยี (Dingtai Industrial Technology Co) ถูกกล่าวหาว่าซื้อชุดประกอบวาล์วซึ่งสามารถประยุกต์ใช้กับโดรน ตัวเชื่อมต่อความถี่วิทยุ และเครื่องยนต์จากสหรัฐฯ
บริษัทหย่งหงอัน เทรด จำกัด (Yonghongan Trade Limited) เกี่ยวข้องกับการซื้อชิ้นส่วนเครื่องบินที่ประยุกต์ใช้กับโดรนได้เป็นมูลค่าหลายล้านดอลลาร์และลงบัญชีปลอมว่าเป็นผู้ซื้อกังหันและคอมเพรสเซอร์
บริษัทฮ่องกง เทียนเล่อ อินเตอร์เนชั่นแนล (Hong Kong Tianle International) ถูกกล่าวหาว่า ถูก PKGB ใช้ให้ขอใบเสนอราคาและซื้อชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์จากสหรัฐอเมริกา
NSMI ได้รับการจัดส่งเครื่องยนต์จากบริษัทดีดีซี ดีเวลอป อินดัสทรี ฮ่องกงจำกัด (DDC Develop Industry Hong Kong Ltd) ซึ่งมีฐานอยู่ในฮ่องกง และอุปกรณ์การผลิตและการทดสอบจากบริษัทเสิ่นเจิ้น จื่ออี้ว์ อินเตอร์เนชันแนล เทรด (Shenzhen Zhiyu International Trade Co.) ซึ่งมีฐานอยู่ในจีนแผ่นดินใหญ่
บริษัทเจพี โอเรียลทอล อินเตอร์เนชันแนล โฮลดิงส์ จำกัด (JP Oriental International Holdings Limited - JP Oriental) ซึ่งมีฐานอยู่ในฮ่องกงถูกกล่าวหาจัดส่งสินค้าให้ NSMI ตลอดหลายปีที่ผ่านมา
ที่มา : เซาท์ไชน่ามอร์นิงโพสต์