เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา มีแพทย์และบล็อกเกอร์ชาวจีนในมณฑลกวางตุ้งรายหนึ่งใช้นามแฝงว่า "กูฟางจื้อส่าง" (孤芳自赏) โพสต์คลิปเล่าว่า เขารู้สึกตกใจและเสียหน้ามาก เมื่อแผนการรักษาที่เขาเสนอให้ผู้ป่วย ถูกผู้ป่วยตรวจสอบผ่านปัญญาประดิษฐ์ DeepSeek แล้วกลับมาแจ้งให้เขาทราบว่าแผนการรักษาดังกล่าว "ไม่ถูกต้อง" เมื่อเขากลับไปตรวจสอบคู่มือการรักษาอย่างละเอียดอีกครั้ง ก็พบว่าแนวทางการรักษาได้มีการอัปเดตใหม่จริงตามที่ AI แนะนำ
กรณีนี้กลายเป็นประเด็นร้อนในโลกออนไลน์จีน โดยโพสต์ของเขาได้รับยอดกดถูกใจมากกว่า 152,000 ครั้ง และมีคอมเมนต์อีกเกือบ 30,000 คอมเมนต์ในเวลาไม่นาน มีแพทย์หลายคนเข้ามาแชร์ประสบการณ์คล้ายกันว่า ถูกผู้ป่วยนำข้อมูลที่ค้นจาก AI มาสอบถามหรือตรวจสอบการรักษาของแพทย์เช่นกัน บางรายถึงขั้นแซวตัวเองว่ากำลังจะตกงานเร็วๆ นี้
เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ สำนักข่าวช่างโย่ว (上游新闻) สัมภาษณ์คุณหมอเจ้าของโพสต์ เขายืนยันว่า ข้อมูลที่ DeepSeek ให้มานั้นถูกต้องจริง เพียงแต่ยาที่โรงพยาบาลของเขามีอยู่ในขณะนั้นแตกต่างจากคำแนะนำเล็กน้อย แต่ก็ได้อธิบายให้ผู้ป่วยเข้าใจชัดเจนแล้ว
ในวันเดียวกัน ยังมีแพทย์อีกคนจากเซินเจิ้น นามสกุลซุน เปิดเผยว่า มีคนไข้นำผลการวินิจฉัยของ DeepSeek มาขอให้เขาจ่ายยาตาม AI แนะนำ ซึ่งหลังจากตรวจสอบแล้วเขาพบว่าคำแนะนำของ DeepSeek นั้นค่อนข้างถูกต้องและเหมาะสม จึงยอมจ่ายยาให้คนไข้รายนั้นไป พร้อมยอมรับว่า AI ให้ข้อมูลละเอียดรอบคอบมาก โดยเฉพาะการแนะนำวิธีการพูดคุยทำความเข้าใจกับผู้ป่วย
อย่างไรก็ตาม นายแพทย์หูเหว่ย แพทย์ประจำโรงพยาบาลเด็ก มหาวิทยาลัยแพทย์ฉงชิ่ง ระบุว่า AI แม้จะมีประสิทธิภาพในการให้ข้อมูลทางการแพทย์ที่แม่นยำและทันสมัยมากในบางด้าน โดยเฉพาะงานวิเคราะห์ข้อมูลตัวเลขหรือภาพถ่ายทางการแพทย์ เช่น เอกซเรย์ ซีทีสแกน ซึ่งในแง่นี้ AI ทำได้ดีกว่ามนุษย์แน่นอน แต่การวินิจฉัยโรคจริงๆ ต้องอาศัยประสบการณ์และความเชี่ยวชาญของแพทย์โดยตรง
เขากล่าวว่า การตัดสินใจเลือกแนวทางรักษาแต่ละเคสนั้นยังต้องพิจารณาสภาพร่างกาย สภาวะแวดล้อม และเงื่อนไขทางสุขภาพส่วนบุคคลของผู้ป่วยด้วย ดังนั้น AI จึงเหมาะเป็นเพียงเครื่องมือช่วยเหลือแพทย์ ไม่สามารถทดแทนการตัดสินใจของแพทย์อย่างสมบูรณ์ได้ เพราะยังมีเงื่อนไขบางอย่างที่ AI ยังไม่สามารถวิเคราะห์ได้ละเอียดพอ เช่น การตรวจร่างกายที่แพทย์ต้องอาศัยการดู สัมผัส หรือฟังอย่างละเอียด เป็นต้น
นายแพทย์ซุนเองก็ระบุว่า DeepSeek และ AI อื่นๆ เป็นเพียง "เครื่องมือเสริม" ในการทำงานที่ดีเท่านั้น โดยเฉพาะในกรณีที่เป็นโรคง่ายๆ หรือข้อมูลตรงไปตรงมา แต่ยังไม่สามารถเชื่อถือได้เต็มร้อยสำหรับโรคที่ซับซ้อนหรืออาการที่ผิดปกติ เพราะต้องอาศัยการประเมินจากแพทย์ผู้มีประสบการณ์จริง
สำนักข่าวยังพบข้อจำกัดของ AI อีกอย่างคือ ข้อความเตือนที่ระบุชัดว่า คำแนะนำจาก DeepSeek ไม่สามารถใช้แทนการปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญได้ ดังนั้นผู้ป่วยควรได้รับคำปรึกษาจากแพทย์มืออาชีพก่อนการตัดสินใจทางการแพทย์เสมอ
นายแพทย์หูเหว่ย ยังเตือนเพิ่มเติมว่า สำหรับผู้ป่วยทั่วไปที่ไม่ได้มีความรู้ทางการแพทย์ลึกซึ้งมากนัก การอ่านคำวินิจฉัยหรือแผนการรักษาที่ AI เสนอ อาจทำให้เกิดความกังวลใจหรือเข้าใจผิด ดังนั้น ผู้ป่วยควรมีสติ รู้จักวิเคราะห์ข้อมูลอย่างรอบด้าน ไม่หลงเชื่อ AI แบบไม่ลืมหูลืมตา
ที่มา : Shangyou News (上游新闻)