ศึกชิงแซ่หรือนามสกุลเรื่องนี้เกิดขึ้นกับชายชื่อแซ่ว่า เสา ซึ่งอาศัยอยู่ในนครเซี่ยงไฮ้ ภรรยาของเขายืนกรานให้บุตรชายใช้แซ่ของหล่อนแทนแซ่ของบิดาผู้ให้กำเนิดแท้ๆ อย่างเขา เมื่อถูกแหกประเพณีกันอย่างซึ่งๆ หน้า เสาจึงตัดสินใจจบชีวิตคู่ด้วยการหย่าร้างกับหล่อนให้สิ้นเรื่องสิ้นราวไป
ประเพณีของจีนในการสืบทอดแซ่ของบิดาก็เลยกลายเป็นประเด็นถกเถียงกันอย่างดุเดือดในโลกโซเชียลแดนมังกร
ตามรายงานของสถานีข่าวเหอหนันเทเลวิชั่นเมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์นั้น นายเสาและภรรยาแซ่จื่อมีบุตรด้วยกัน 2 คน ทั้งคู่ได้บุตรสาวในปี 2562 ซึ่งใช้แซ่ของบิดา ต่อมาได้บุตรชายเมื่อปี 2564 ลูกคนนี้ใช้แซ่ของแม่ นายเสาบอกให้เปลี่ยนซะ หล่อนก็ไม่ฟัง
ในปี 2566 ทั้งคู่จึงหย่ากัน นายเสาขอสิทธิเลี้ยงดูลูกหญิงต่อศาล ส่วนตี๋น้อยให้อยู่กับแม่ แต่จื่อไม่ยอม เพราะต้องการดูแลลูกทั้งสองคน
ในที่สุดอดีตภรรยาเป็นฝ่ายชนะ โดยศาลยึดตาม “ผลประโยชน์สูงสุดของเด็ก” ครั้นนายเสายื่นอุทธรณ์ก็แพ้อีก แถมยังได้รับคำสั่งให้จ่ายค่าเลี้ยงดูบุตรให้ภรรยาเก่าจนกว่าลูกจะอายุครบ 18 ปี
“เห็นด้วยกับศาลจ้า ผู้ชายเค็มมากๆ หย่าเมียเพราะเรื่องขี้ปะติ๋วเช่นนี้” ผู้สังเกตการณ์ออนไลน์คนหนึ่งให้ความเห็น
“ลูกๆ จะใช้แซ่ของใครมันไม่สำคัญหรอก ความรักใคร่กลมเกลียวต่างหากคือเรื่องสำคัญสำหรับคนเป็นผัวเมียกัน” ชาวเน็ตคนที่ 2 ให้ความเห็น
“เขาไม่ใช่คนอุ้มท้องนาน 10 เดือน แล้วคลอด เขาควรสำนึกบุญคุณที่ลูกคนหนึ่งใช้แซ่ของเขา” อีกคนระบุ
การแสดงความเห็นในโลกโซเชียลสะท้อนแนวโน้มในหมู่คนรุ่นหนุ่มสาวเมืองจีน โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกสาวๆ ที่คัดค้านจารีตประเพณีผู้ชายเป็นใหญ่มาแต่โบร่ำโบราณ ซึ่งผู้เป็นลูกต้องสืบทอดแซ่ของบิดา ความเห็นมากมายในโลกออนไลน์ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาจะเน้นย้ำเรื่องความเสียสละของสตรีเพศ ไม่ว่าจะเป็นการคลอดลูก การเลี้ยงดูและการทำงานสารพัดอย่างในบ้าน ทว่าไม่มีใครมองเห็นมานานหลายพันปีแล้ว
ยิ่งในท้องถิ่นที่มีการพัฒนาความเจริญด้านเศรษฐกิจและการเงินในเขตสามเหลี่ยมปากแม่น้ำแยงซีทางตะวันออกของจีนด้วยนั้น บางครอบครัวที่มีลูกสาวคนเดียวถึงกับเลือกไม่ให้ลูกสาว "แต่งงานกับ" ครอบครัวฝ่ายชาย แต่สร้างการแต่งงานรูปแบบใหม่ นั่นคือคนเป็นสามีภรรยาต้องเดินไปด้วยกัน (two-headed marriage)
ผู้หญิงที่เลือกแต่งงานแบบนี้จะไม่รับสินสอดทองหมั้น ซึ่งถือว่าเท่ากับเป็นการซื้อเมีย และจะทำข้อตกลงกับฝ่ายชายว่าเราจะมีลูกด้วยกันสองคน คนหนึ่งใช้นามสกุลของพ่อ และอีกคนหนึ่งใช้นามสกุลของแม่
จื่ออดีตภรรยาของนายเสาก็น่าจะเป็นหญิงจีนยุคใหม่แบบที่ว่านี้
ที่มา : เซาท์ไชน่ามอร์นิงโพสต์
