ประธานาธิบดี สี จิ้นผิงเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสัมมนาร่วมกับผู้ประกอบการเอกชนจีนในกรุงปักกิ่งเมื่อวันจันทร์ (17 ก.พ.) โดยมีผู้นำบริษัทหัวเว่ย อาลีบาบา บีวายดี และธุรกิจชั้นนำอื่นๆ เข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง
ในภาพบรรยากาศการประชุมซึ่งสถานีโทรทัศน์ซีซีทีวีสื่อของรัฐออกอากาศนั้นจะเห็นผู้เข้าร่วม เช่น นายเหล่ย จวิน ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) ของบริษัทเสียวหมี่ นายแจ็ก หม่า ผู้ก่อตั้งอาลีบาบากรุ๊ป นายหวัง เฉวียนฝู ประธานและซีอีโอบริษัทบีวายดีผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า และนายเหริน เจิ้งเฟย ผู้ก่อตั้งและซีอีโอบริษัทหัวเว่ยเทคโนโลยีส์
ขณะที่ฝ่ายภาครัฐ เช่น นายกรัฐมนตรีหลี่ เฉียง นายหวัง หูหนิง ซึ่งเป็นหัวหน้าคณะที่ปรึกษาทางการเมืองสูงสุด และรองนายกรัฐมนตรี ติง เสว่เซียง
ในช่วงปีที่ผ่านมา จีนมีนำเสนอและหาแนวทางร่วมกับผู้ประกอบการเอกชนอยู่หลายครั้งเพื่อรักษาความเชื่อมั่นของภาคเอกชนในท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ความต้องการของผู้บริโภคในประเทศยังคงอ่อนแอ ประกอบกับเกิดปัญหาท้าทายใหม่ๆ จากภายนอก หลังจากนายโดนัลด์ ทรัมป์ เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาเป็นสมัยที่ 2
ศูนย์วิจัยนโยบายทรีเวียม (Trivium) ในกรุงปักกิ่งระบุว่า การประชุมครั้งนี้มี “เดิมพันสูง” เพราะถ้าสี จิ้นผิงสามารถโน้มน้าวให้ผู้เข้าร่วมการประชุมและตลาดมั่นใจได้ว่าขณะนี้เขาให้การสนับสนุนภาคธุรกิจแล้วก็ย่อมจะช่วยให้เศรษฐกิจจีนมีวิถีทางที่ดีขึ้น แต่หากผู้นำจีนใช้เวทีสัมมนานี้เพื่อเน้นย้ำกับบริษัทเอกชนว่า ความรุ่งเรืองของบริษัทเป็นไปตามเจตจำนงของรัฐ การประชุมสัมมนาครั้งนี้จะทำให้บรรยากาศการลงทุนแย่ลงไปอีก
ประธานาธิบดีของจีนไม่จัดการประชุมสัมมนาในลักษณะเช่นนี้บ่อยนัก โดยครั้งสุดท้ายที่สี จิ้นผิงเคยเข้าร่วมคือในเดือนกันยายน ปี 2561 ซึ่งสถานะของภาคเอกชนกำลังเป็นที่วิตกกังวลหนัก ในขณะที่เจ้าหน้าที่ระดับล่างและกลุ่มทำงานของรัฐสภามีการพบปะกับผู้ประกอบการอยู่เป็นประจำ
ภาคเอกชนจีนมีการลงทุนในปี 2567 ลดลง 0.1% จากปีก่อนหน้า สัดส่วนการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรทั้งหมดลดลงเหลือ 50.08% จาก 56.42% ในปี 2562
อย่างไรก็ตาม การพัฒนาด้านเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งล่าสุดคือความสำเร็จของโมเดลปัญญาประดิษฐ์ DeepSeek ทำให้ผู้กำหนดนโยบายของจีนมีช่องทางใหม่ในการสร้างเศรษฐกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน ส่วนนักลงทุนก็เกิดความกระตือรือร้นขึ้นมาอีกครั้ง
ที่มา : เซาท์ไชน่ามอร์นิงโพสต์