ในเรือนจำที่มีมาตรการรักษาความปลอดภัยเข้มงวด นักโทษที่ถูกส่งตัวกลับจากต่างประเทศหลังจากทำงานในแก๊งคอลเซ็นเตอร์เถื่อน กำลังใช้ชีวิตภายใต้กฎระเบียบที่เคร่งครัด อดีตนักโทษสองคน อวี๋ซี และก่งอวี่ ที่เคยถูกล่อลวงไปทำงานในแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่พม่าและฟิลิปปินส์ เล่าประสบการณ์อันโหดร้ายที่พวกเขาต้องเผชิญ และเตือนภัยถึงอันตรายของงานที่ดูเหมือนจะให้ค่าตอบแทนสูง แต่แฝงไปด้วยกับดักอันตราย
ในปี 2020 ขณะนั้นอวี๋ซีอายุเพียง 20 ปี เขาใฝ่ฝันถึงชีวิตที่มั่งคั่งและเชื่อว่าโอกาสของเขามาถึงเมื่อเพื่อนแนะนำให้ไปทำงานเป็น “ฝ่ายบริการลูกค้า” ที่พม่า โดยบอกว่าเงินเดือนเริ่มต้นอยู่ที่ 30,000-40,000 หยวนต่อเดือน (ประมาณ 150,000-200,000 บาท) อวี๋ซีตัดสินใจเดินทางไปพร้อมกับเพื่อนอีกคน ผ่านทางมณฑลยูนนาน เมื่อเดินทางถึง ได้มีคนมารับและพาข้ามพรมแดนไปยังโรงแรมแห่งหนึ่งที่เขาต้องพักอยู่สองวัน ก่อนจะถูกพาไปยัง "เขตเศรษฐกิจพิเศษ" ที่เรียกว่า "สวนอุตสาหกรรมคอลเซ็นเตอร์"
ตอนแรกทุกอย่างดูเหมือนจะเป็นไปตามที่สัญญาไว้ งานที่ได้รับมอบหมายคือการพูดคุยกับลูกค้าทางออนไลน์ แต่เมื่อเวลาผ่านไป อวี๋ซีเริ่มสังเกตเห็นว่าผู้ที่ต้องการลาออกจะถูกเรียกค่าไถ่สูงถึง 200,000 หยวน (ประมาณ 1 ล้านบาท) และหากไม่สามารถจ่ายได้ พวกเขาจะถูกขังในห้องมืด หรือถูกขายต่อไปยังค่ายอื่น
ความโหดร้ายของค่ายนี้ปรากฏชัดขึ้นเมื่ออวี๋ซีเห็นชายหนุ่มวัย 20 กว่าปีคนหนึ่งถูกซ้อมจนขาของเขาหัก และกระดูกโผล่ออกมาให้เห็นอย่างน่าสยดสยอง นี่เป็นสัญญาณเตือนให้อวี๋ซีเข้าใจว่า ที่นี่ไม่ใช่สถานที่ทำงานทั่วไป แต่เป็นขุมนรกที่ไม่มีทางออก
เมื่อเขาทำยอดไม่ได้ ค่ายก็ขายเขาต่อไปยังค่ายอื่นที่เรียกว่า “CBD คอลเซ็นเตอร์” ซึ่งสภาพแวดล้อมโหดร้ายยิ่งกว่าเดิม อวี๋ซีต้องทนอยู่ที่นี่เกือบสามปี จนกระทั่งในเดือนตุลาคม 2023 ตำรวจจีนสามารถช่วยเหลือเขาและนำตัวกลับประเทศ แต่เมื่อกลับมาแล้ว อวี๋ซีก็ต้องเผชิญกับผลทางกฎหมาย เขาถูกตัดสินจำคุกสองปี
ก่งอวี่มีอายุมากกว่าอวี๋ซี เขาเคยเป็นคนที่มีทักษะการตลาดออนไลน์สูง และเดินทางไปฟิลิปปินส์เพื่อท่องเที่ยวในปี 2020 แต่เมื่อเกิดโรคระบาดโควิด-19 เขาถูกบังคับให้อยู่ต่อ โดยเริ่มต้นหาเลี้ยงตัวเองด้วยการทำธุรกิจแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศและรับจ้างซื้อของ
แต่แล้ววันหนึ่ง เพื่อนของเขาเชิญออกไปเที่ยว โดยบอกว่าจะส่งรถมารับ ก่งอวี่ลงมาขึ้นรถโดยไม่ได้เอะใจอะไร แต่ทันทีที่ขึ้นไปนั่ง เขาพบว่ามีชายฟิลิปปินส์สองคนอยู่ในรถ พวกเขาล็อกประตู ยึดโทรศัพท์ และบังคับเขาไปยังค่ายคอลเซ็นเตอร์ที่เมืองปาไซ
เพื่อนของเขา "ขาย" ตัวเขาให้ค่ายในราคา 500,000 หยวน (ประมาณ 2.5 ล้านบาท) ซึ่งหมายความว่า ก่งอวี่ต้องทำงานในค่ายเพื่อหาเงินมาชดใช้หนี้ที่เขาไม่เคยก่อ
“ตอนที่ผมเข้าไปในค่าย มีมาตรการเข้มงวดมาก พวกเขายึดพาสปอร์ตและโทรศัพท์ ถ่ายคลิปวิดีโอให้ผมพูดว่าผมสมัครใจเข้ามาทำงาน และที่นี่ไม่มีความรุนแรง” ก่งอวี่เล่า
ในค่ายมีระบบกล้องวงจรปิดทุกซอกทุกมุม และมีทหารติดอาวุธเดินลาดตระเวนตลอดเวลา เมื่อก่งอวี่พยายามติดต่อแฟนสาวเพื่อขอให้แจ้งตำรวจ กลับกลายเป็นว่าเจ้าหน้าที่ฟิลิปปินส์บางส่วนมีส่วนเกี่ยวข้องกับค่ายนี้ ทำให้ก่งอวี่ถูกจับไปขังในห้องมืด และถูกทรมานด้วยไฟฟ้าตลอดทั้งวัน
ในแก๊งคอลเซ็นเตอร์เถื่อน มีโครงสร้างองค์กรเป็นระบบ พนักงานแต่ละคนมีหน้าที่แตกต่างกัน เช่น ทีมสร้างบัญชีปลอม ปลอมตัวเป็นนักลงทุนหรือสาวสวยเพื่อหลอกเหยื่อ ทีมสอนหุ้นปลอม แสร้งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนเพื่อโน้มน้าวให้เหยื่อโอนเงิน ทีมเทรดหุ้น ออกแบบแพลตฟอร์มการลงทุนปลอมเพื่อให้เหยื่อเห็นกำไร ก่อนที่จะโกงเงินหนี
“ในกลุ่มคุยหุ้นมีสมาชิก 1,000 คน แต่ในความเป็นจริง 800 คนเป็นบัญชีปลอมทั้งหมด” ก่งอวี่กล่าว
ในปี 2023 เจ้าหน้าที่ฟิลิปปินส์บุกทลายค่ายคอลเซ็นเตอร์ที่ก่งอวี่ถูกขังอยู่ และส่งตัวเขากลับจีน แต่เมื่อกลับถึงประเทศ เขาก็ถูกดำเนินคดีและถูกตัดสินจำคุกสามปี
“ผมเข้าใจว่าทำไมผมถึงถูกลงโทษ เพราะผมก็มีส่วนร่วมในอาชญากรรม ถึงแม้ว่าจะเป็นเพราะถูกบังคับก็ตาม” ก่งอวี่กล่าว
ขณะที่อวี๋ซีตัดสินใจกลับไปอยู่กับครอบครัวหลังพ้นโทษ ก่งอวี่มีเป้าหมายที่แตกต่าง เขาต้องการเป็น “อินฟลูเอนเซอร์ต่อต้านแก๊งคอลเซ็นเตอร์” เพื่อให้ความรู้กับคนรุ่นใหม่เกี่ยวกับอันตรายของงานประเภทนี้
ทั้งอวี๋ซี และก่งอวี่ฝากคำเตือนไว้ว่า "ไม่มีเงินจากฟ้าที่ตกลงมาให้ฟรีๆ” และ "อย่าหลงเชื่อโฆษณางานที่สัญญาว่าจะให้เงินเดือนสูงเกินจริง โดยเฉพาะงานที่ต้องเดินทางไปต่างประเทศ"
ที่มา: 新民周刊 (Xinmin Weekly)