เมื่อเร็วๆ นี้ สำนักข่าว BBC ของอังกฤษเผยแพร่ข่าวเกี่ยวกับจีนหลายประเด็น ซึ่งได้รับความสนใจจากชาวเน็ตต่างชาติ สิ่งที่ทำให้หลายคนรู้สึกแปลกใจก็คือ รายงานเหล่านี้ไม่มีการใช้คำถามปลายเปิดในเชิงลบอย่างที่เคยเป็นมา โดยเฉพาะคำถามที่ว่า "แต่ต้องแลกมาด้วยอะไร?" (But at what cost?) ซึ่งเป็นแนวทางที่ BBC ใช้บ่อยเมื่อรายงานเกี่ยวกับความสำเร็จของจีน
ก่อนหน้านี้ BBC มักใช้คำถามดังกล่าวเพื่อทำให้ภาพลักษณ์ของจีนดูมีเงื่อนไขแอบแฝง แม้ว่าข่าวนั้นจะเป็นเรื่องดีเกี่ยวกับจีนก็ตาม เช่น "จีนกำลังพัฒนาเมืองอัจฉริยะ แต่ต้องแลกมาด้วยอะไร?" หรือ "จีนช่วยสร้างงานในเอธิโอเปีย แต่ต้องแลกมาด้วยอะไร?" แนวทางการรายงานลักษณะนี้กลายเป็นที่จดจำจนมีชาวเน็ตทั้งจีนและต่างประเทศนำไปล้อเลียนในโลกออนไลน์ บนเว็บไซต์ Quora ยังมีการตั้งกระทู้พูดคุยเกี่ยวกับ "BBC และวลี 'แต่ต้องแลกมาด้วยอะไร?'" ซึ่งสะท้อนว่าผู้คนเริ่มมองเห็นแบบแผนการรายงานข่าวของสำนักข่าวนี้
อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 7 กุมภาพันธ์ บัญชีวิดีโอของ BBC Global News ได้เผยแพร่คลิปเกี่ยวกับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีของจีน ซึ่งสร้างความประหลาดใจให้ผู้ชม เนื่องจากวิดีโอนี้ไม่มีการใช้ฟิลเตอร์มืด ไม่มีการตั้งคำถามเชิงลบ และเน้นการนำเสนอข้อมูลตัวเลขและข้อเท็จจริงแทน
ชาวเน็ตบางคนถึงกับแสดงความคิดเห็นว่า "นอกจากฉันแล้ว มีใครกำลังมองหาคำว่า 'แต่ต้องแลกมาด้วยอะไร?' จาก BBC อยู่หรือเปล่า?" ความคิดเห็นนี้ได้รับการกดไลก์เกือบ 6,000 ครั้ง ขณะที่บางคนตั้งข้อสังเกตว่า BBC ลืมใช้วลีที่เป็นเอกลักษณ์ของตนเอง และบางคนแซวว่าการรายงานเช่นนี้ทำให้รู้สึกแปลกไปจากเดิม
กรณีดังกล่าวไม่ได้เกิดขึ้นแค่กับข่าวด้านเทคโนโลยีเท่านั้น BBC ยังรายงานข่าวเกี่ยวกับภาพยนตร์จีน "นาจา 2" ซึ่งเป็นแอนิเมชันที่ทำรายได้สูงในประเทศ โดยครั้งนี้ BBC ไม่เพียงแต่ชื่นชมตัวภาพยนตร์ แต่ยังกล่าวถึงการเติบโตของตลาดภาพยนตร์จีนและการทำงานหนักของทีมผู้สร้าง ซึ่งแตกต่างจากแนวทางปกติที่มักจะเน้นด้านลบหรือมีคำถามเชิงลบปิดท้าย
ชาวเน็ตบางคนวิเคราะห์ว่าการเปลี่ยนแปลงของ BBC อาจเกี่ยวข้องกับการที่สำนักงานเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐฯ (USAID) ถูกปิดตัว เนื่องจาก BBC เคยได้รับเงินสนับสนุนจาก USAID ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ถูกกล่าวหาว่าเคยมีส่วนเกี่ยวข้องกับการบ่อนทำลายภาพลักษณ์ของจีน อย่างไรก็ตาม BBC ได้ปฏิเสธว่าเงินทุนจาก USAID ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับฝ่ายข่าว และยังคงยืนยันว่ารายได้หลักของตนมาจากค่าธรรมเนียมใบอนุญาตโทรทัศน์ที่เรียกเก็บจากประชาชนในสหราชอาณาจักร
ที่มา: 环球时报