ในอดีต ตลาดบริโภคของจีนมักให้ความสำคัญกับสองกลุ่มหลัก คือ ผู้สูงอายุและเด็กเล็ก โดยเฉพาะเด็กอ่อนที่พ่อแม่มักเรียกกันเล่นๆ ว่า "เครื่องดูดเงิน 4 ขา" เพราะค่าใช้จ่ายสูง แต่รายงานล่าสุดเผยว่า จำนวนสัตว์เลี้ยงในจีนได้แซงหน้าจำนวนทารกอายุต่ำกว่า 4 ปีเป็นครั้งแรก ทำให้เกิดคำถามว่าเศรษฐกิจสัตว์เลี้ยงกำลังกลายเป็นพลังขับเคลื่อนใหม่ของตลาดบริโภคหรือไม่
รายงานจาก Goldman Sachs ระบุว่า ในปี 2567 จำนวนสัตว์เลี้ยงในจีนเพิ่มขึ้นจนแซงหน้าจำนวนเด็กอายุต่ำกว่า 4 ปี และคาดการณ์ว่าภายในปี 2573 จำนวนสัตว์เลี้ยงอาจสูงเป็นสองเท่าของจำนวนเด็กในวัยเดียวกัน ข้อมูลจาก "สมุดปกขาวอุตสาหกรรมสัตว์เลี้ยงจีน 2023-2024" ยังพบว่า อัตราการเลี้ยงสัตว์ในเมืองขนาดเล็กและเขตชนบทเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยในช่วงปี 2565-2566 อัตราการเลี้ยงสัตว์ในเมืองระดับสามลงไปเพิ่มขึ้นจาก 21.8% เป็น 30% ซึ่งเติบโตเร็วกว่ากรุงปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ และเมืองใหญ่ๆ อย่างชัดเจน
เมื่อพิจารณาถึงประเภทของสัตว์เลี้ยง พบว่าคนในเมืองใหญ่นิยมเลี้ยงแมวมากกว่าสุนัข โดยในปี 2566 จีนมีแมวที่ถูกเลี้ยงประมาณ 69.8 ล้านตัว เพิ่มขึ้น 6.8% จากปี 2565 และในปี 2567 ตัวเลขเพิ่มเป็น 71.53 ล้านตัว ขณะที่จำนวนสุนัขที่ถูกเลี้ยงในปี 2566 อยู่ที่ 51.75 ล้านตัว และเพิ่มขึ้นเป็น 52.58 ล้านตัวในปี 2567 อย่างไรก็ตาม ในเขตชนบทและเมืองขนาดเล็ก กลับพบว่าสุนัขได้รับความนิยมมากกว่าแมว เนื่องจากค่านิยมดั้งเดิมที่มองว่าสุนัขเป็นสัญลักษณ์ของความซื่อสัตย์และการปกป้องบ้านเรือน
ข้อมูลล่าสุดระบุว่ามูลค่าตลาดสัตว์เลี้ยงในเมืองจีนในปี 2567 ทะลุ 3 แสนล้านหยวน หรือประมาณ 1.5 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.5% จากปีก่อนหน้า นอกจากนี้ จำนวนพนักงานในอุตสาหกรรมสัตว์เลี้ยงก็ทะลุ 1 ล้านคนแล้ว ซึ่งแสดงให้เห็นว่าการเลี้ยงสัตว์ไม่ได้เป็นเพียงงานอดิเรกของคนจีนอีกต่อไป แต่กลายเป็นอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าสูงและเติบโตอย่างรวดเร็ว
การเติบโตของเศรษฐกิจสัตว์เลี้ยงในจีนเป็นผลมาจากปัจจัยหลายอย่าง รวมถึงการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและเศรษฐกิจ โดยในหลายประเทศที่มีเศรษฐกิจพัฒนาแล้ว เช่น สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ มักพบว่าเมื่อระดับรายได้ของประชาชนเพิ่มขึ้น อัตราการเลี้ยงสัตว์เลี้ยงก็มักเพิ่มขึ้นตามไปด้วย สัตว์เลี้ยงกลายเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวและเป็นแหล่งให้ความสุขทางใจ โดยเฉพาะในหมู่คนที่อยู่คนเดียวหรือคู่รักที่ไม่มีลูก
โซเชียลมีเดียก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่กระตุ้นการเติบโตของเศรษฐกิจสัตว์เลี้ยง วิดีโอและภาพถ่ายของสัตว์เลี้ยงที่น่ารักแพร่กระจายอย่างรวดเร็วผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ เช่น Douyin (TikTok จีน) และ Xiaohongshu (Little Red Book) ซึ่งช่วยสร้างวัฒนธรรมการเลี้ยงสัตว์ในวงกว้าง ในหลายเมือง มีการสร้างสวนสาธารณะสำหรับสัตว์เลี้ยง ห้างสรรพสินค้าที่เป็นมิตรกับสัตว์เลี้ยง และคาเฟ่สัตว์เลี้ยงมากขึ้น เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ของเจ้าของสัตว์เลี้ยง
อุตสาหกรรมสัตว์เลี้ยงในจีนเติบโตอย่างรวดเร็ว ครอบคลุมตั้งแต่ธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง ผลิตภัณฑ์สำหรับสัตว์เลี้ยง บริการสัตวแพทย์ ประกันสุขภาพสัตว์เลี้ยง ไปจนถึงโรงแรมและสปาสำหรับสัตว์เลี้ยง ปัจจุบัน เจ้าของสัตว์เลี้ยงจำนวนมากให้ความสำคัญกับคุณภาพชีวิตของสัตว์มากขึ้น ส่งผลให้สินค้าระดับพรีเมียมได้รับความนิยม เช่น อาหารสัตว์เกรดออแกนิก อาหารปราศจากสารก่อภูมิแพ้ หรืออาหารสูตรเฉพาะสำหรับสัตว์เลี้ยงแต่ละตัว
แนวโน้มที่สำคัญอีกประการหนึ่งคือ "การดูแลสัตว์แบบละเอียด" หรือ Precision Pet Care ซึ่งหมายถึงการให้ความสำคัญกับโภชนาการที่เหมาะสม การดูแลสุขภาพอย่างใกล้ชิด และการใช้เทคโนโลยีในการดูแลสัตว์เลี้ยง เช่น เครื่องให้อาหารอัตโนมัติ กล้องติดตามสัตว์เลี้ยง หรือบริการดูแลสัตว์ออนไลน์
ในระยะยาว อุตสาหกรรมสัตว์เลี้ยงในจีนมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากรายได้ที่เพิ่มขึ้นของประชาชน อัตราการเกิดที่ลดลง ซึ่งทำให้หลายครอบครัวเลือกเลี้ยงสัตว์แทน รวมถึงเทคโนโลยีที่ช่วยให้การดูแลสัตว์เลี้ยงเป็นเรื่องง่ายขึ้น ผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์ว่าในอนาคตอุตสาหกรรมนี้จะขยายตัวไปยังสินค้าระดับพรีเมียมและบริการเฉพาะทาง เช่น การใช้ AI ในการดูแลสัตว์เลี้ยง การพัฒนาผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพสัตว์ที่ล้ำสมัย และการขยายโรงพยาบาลสัตว์เลี้ยงที่มีมาตรฐานสูงขึ้น
การที่จำนวนสัตว์เลี้ยงในจีนแซงหน้าจำนวนทารกสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของสังคมจีน และแสดงให้เห็นว่า "เศรษฐกิจสัตว์เลี้ยง" กำลังกลายเป็นพลังขับเคลื่อนใหม่ของตลาดบริโภค ซึ่งมีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่องในอนาคต
ที่มา: 江瀚视野