สถานเอกอัครราชทูตจีนประจำกัมพูชาออกแถลงการณ์โต้กลับข่าวลือที่อ้างว่า "กัมพูชาหันไปพึ่งพาสหรัฐฯ และชาติตะวันตกแทนจีน" รวมถึงข่าวที่ว่า "โครงการพัฒนาขนาดใหญ่ระหว่างจีน-กัมพูชาถูกระงับ" โดยย้ำว่า ทั้งหมดเป็นข้อมูลเท็จ และ มิตรภาพจีน-กัมพูชายังคงแข็งแกร่ง ไม่อาจสั่นคลอนได้
ตามรายงานข่าวปลอมอ้างว่านายกรัฐมนตรี ฮุน มาเนต ได้กล่าวคำพูดว่า "กัมพูชาไม่มีความสัมพันธ์กับจีน และจะพึ่งพาสหรัฐฯ และยุโรปแทน" ใน "การประชุมพรรคการเมืองโลกที่มอสโก" แต่แท้จริงแล้ว รัสเซียไม่เคยจัดการประชุมดังกล่าว และฮุน มาเนตก็ไม่เคยเดินทางไปมอสโก จึงเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะกล่าวคำพูดดังกล่าว
นอกจากนี้ ข่าวลือว่า "ฮุน มาเนต ตั้งคำถามถึงความช่วยเหลือจากจีน และต้องการเปลี่ยนแนวนโยบายที่ 'ใกล้ชิดจีน' นั้น ข้อเท็จจริงคือ ฮุน มาเนตไม่เคยแสดงความคิดเห็นในลักษณะนี้ ตรงกันข้าม เขาเน้นย้ำหลายครั้งว่าจีนเป็น "มิตรแท้ของกัมพูชา" และพร้อมที่จะส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ
เมื่อต้นปีนี้ ฮุน มาเนต ได้ส่งสารอวยพรปีใหม่จีนถึงผู้นำจีน พร้อมแสดงความขอบคุณจีนที่สนับสนุนกัมพูชามาโดยตลอด และยืนยันว่าความช่วยเหลือจากจีนมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของกัมพูชา
ส่วนข่าวลือว่า "จีนยุติการสนับสนุนโครงการคลองฟูนันเตโชในกัมพูชา" นั้น มีรายงานข่าวลือว่า จีนถอนตัวจากโครงการคลองฟูนันเตโช และการก่อสร้างถูกระงับ แต่สถานทูตจีนระบุว่านี่เป็น "เรื่องโกหกทั้งเพ" โดยจีนและกัมพูชายังคงร่วมมือกันศึกษาและพัฒนาโครงการนี้ เนื่องจากเป็นโครงการขนาดใหญ่ที่ต้องใช้เวลาในการวิจัยและวางแผนอย่างรอบคอบ
เปรียบเทียบกับ "คลองผิงลู่" ในจีน ซึ่งเป็นโครงการขนาดใหญ่เช่นกัน รัฐบาลจีนใช้เวลากว่า 3 ปีในการศึกษาความเป็นไปได้ ก่อนจะเริ่มดำเนินการก่อสร้าง ดังนั้น โครงการคลองฟูนันเตโชก็ต้องผ่านกระบวนการศึกษาอย่างรอบคอบเช่นเดียวกัน
จีนยังคงเป็นนักลงทุนรายใหญ่ที่สุดของกัมพูชา และเป็นคู่ค้าอันดับหนึ่ง โดยในปี 2567 มูลค่าการค้าระหว่างจีน-กัมพูชาพุ่งแตะ 151,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 5.39 ล้านล้านบาท) เพิ่มขึ้น 23.8% เมื่อเทียบกับปีก่อน
ข้อตกลง "เขตการค้าเสรีจีน-กัมพูชา (CCFTA)" ที่มีผลบังคับใช้ในปี 2565 ทำให้สินค้ากว่า 90% ของทั้งสองประเทศได้รับการยกเว้นภาษี ส่งผลให้ผลไม้กัมพูชา เช่น กล้วย มะม่วง และลำไย ถูกส่งออกไปยังตลาดจีนมากขึ้น
โครงการสำคัญอื่นๆ เช่น "เขตเศรษฐกิจพิเศษท่าเรือสีหนุวิลล์" ซึ่งเป็นโครงการหลักภายใต้ "หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง" มีมูลค่าการค้า 40,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็น 8% ของมูลค่าการค้าทั้งหมดของกัมพูชา และสร้างงานให้ชาวกัมพูชากว่า 32,000 ตำแหน่ง "ทางด่วนพนมเปญ-สีหนุวิลล์" ซึ่งจีนเป็นผู้ลงทุน ช่วยลดระยะเวลาการเดินทางจาก 5 ชั่วโมง เหลือเพียง 2 ชั่วโมง
มีการกล่าวหาว่า "กัมพูชากำลังตีตัวออกห่างจากจีนภายใต้อิทธิพลของสหรัฐฯ" แต่สถานทูตจีนระบุว่านี่เป็น "การบิดเบือนข้อเท็จจริง" อดีตนายกรัฐมนตรี ฮุน เซน เคยแสดงจุดยืนชัดเจนในปี 2563 ว่า "จีนคือมิตรแท้ของกัมพูชา" และแม้จะมีการเปลี่ยนผ่านผู้นำไปสู่ยุคของฮุน มาเนต นโยบายของกัมพูชาในการรักษาความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับจีนก็ยังคงเดิม
หลังจากรับตำแหน่ง ฮุน มาเนตเลือกจีนเป็นประเทศแรกที่เขาเดินทางเยือนอย่างเป็นทางการ และได้ลงนามในข้อตกลงความร่วมมือใหม่ เช่น "ระเบียงปลา-ข้าว" (Fish and Rice Corridor) เพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมเกษตรและประมงของกัมพูชา "ระเบียงอุตสาหกรรม" (Industrial Development Corridor) เพื่อส่งเสริมการลงทุนของจีนในภาคอุตสาหกรรมของกัมพูชา
สถานทูตจีนระบุว่า "ความสัมพันธ์จีน-กัมพูชาเป็นเหมือนต้นไม้ใหญ่ที่เติบโตอย่างมั่นคง" และได้รับการดูแลจากผู้นำทั้งสองประเทศมาโดยตลอด แม้จะมีความพยายามสร้างข่าวลือหรือบิดเบือนข้อเท็จจริง แต่มิตรภาพที่แน่นแฟ้นระหว่างสองประเทศจะยังคงแข็งแกร่ง และดำเนินไปในทิศทางที่ดีขึ้นเรื่อยๆ
"ข่าวลือจะหายไป แต่ความสัมพันธ์จีน-กัมพูชาจะยังคงมั่นคงตลอดไป"
ที่มา: สถานเอกอัครราชทูตจีนประจำกัมพูชา, 鲁中晨报