DeepSeek กลายเป็นกระแสร้อนแรงบนโลกออนไลน์ หลังจากที่แอปพลิเคชันของบริษัททะยานขึ้นสู่อันดับหนึ่งของแอปสโตร์ในจีนและสหรัฐฯ แซงหน้า ChatGPT ของ OpenAI ส่งผลให้เซิร์ฟเวอร์ของ DeepSeek ล่มชั่วคราวเนื่องจากปริมาณผู้ใช้งานที่มหาศาล
DeepSeek เป็นปัญญาประดิษฐ์ของจีนที่พัฒนาโมเดลภาษาขั้นสูง โดยอยู่ภายใต้การบริหารของ "เหลียง เหวินเฟิง" (Liang Wenfeng) นักคณิตศาสตร์อัจฉริยะและนักลงทุนด้านการเงินที่ก้าวขึ้นมาเป็นบุคคลสำคัญในวงการ AI
ก้าวเข้าสู่โลกของ AI
เหลียง เหวินเฟิง เกิดในปี 2528 ที่เมืองจ้านเจียง มณฑลกวางตุ้ง เขาสอบเข้ามหาวิทยาลัยเจ้อเจียงในวัยเพียง 17 ปี และสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโทด้านวิศวกรรมสารสนเทศและการสื่อสารในปี 2553 ระหว่างที่เรียนอยู่มหาวิทยาลัย เขาเริ่มสนใจตลาดการเงิน โดยเฉพาะช่วงวิกฤตเศรษฐกิจโลกปี 2551 ที่ทำให้เขาเห็นโอกาสของการใช้ปัญญาประดิษฐ์ในการลงทุน
ในปี 2556 เหลียงร่วมกับเพื่อนก่อตั้งบริษัทด้านการลงทุน "หางโจว ยาค็อบ อินเวสต์เมนต์" และอีก 2 ปีต่อมา เขาตั้ง "หางโจว แฟนท์อม เทคโนโลยี" ซึ่งเป็นบริษัทที่ใช้ AI ในการพัฒนาเทคนิคการลงทุนแบบอัลกอริธึม ส่งผลให้บริษัทเติบโตอย่างรวดเร็ว
ปี 2559 นับเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของเหลียง เมื่อเขาตัดสินใจนำ AI มาใช้ในทุกกลยุทธ์การลงทุนของบริษัท ทำให้ในปี 2564 บริษัทของเขามีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารทะลุ 1 ล้านล้านหยวน (ประมาณ 5 ล้านล้านบาท) และกลายเป็นหนึ่งใน "สี่มหาอำนาจแห่งการลงทุนเชิงปริมาณ" ของจีน
เส้นทางสู่ DeepSeek ของเหลียง เหวินเฟิง
แม้จะประสบความสำเร็จในตลาดการเงิน แต่เหลียงมองเห็นข้อจำกัดด้านพลังประมวลผล ทำให้เขาตัดสินใจสร้างแพลตฟอร์มฝึก AI ของตัวเอง โดยในปี 2562 เขาทุ่มงบ 2,000 ล้านหยวน (ประมาณ 10,000 ล้านบาท) พัฒนาแพลตฟอร์ม "หยิงฮั่ว-1" ที่ใช้จีพียู 1,100 ตัว และในปี 2564 เขาลงทุนเพิ่มอีก 10,000 ล้านหยวน (ประมาณ 50,000 ล้านบาท) สร้าง "หยิงฮั่ว-2" ที่ติดตั้งจีพียูระดับสูงกว่า 10,000 ตัว
ในปี 2566 เขาประกาศก้าวเข้าสู่ตลาด AI เต็มตัว และก่อตั้ง DeepSeek เพื่อพัฒนาโมเดลภาษาขั้นสูงแบบเดียวกับ ChatGPT แต่มีต้นทุนการฝึกต่ำกว่า โดย DeepSeek-V3 ซึ่งเปิดตัวในเดือนธันวาคม 2566 ใช้ต้นทุนเพียง 5.57 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 200 ล้านบาท) ขณะที่ ChatGPT-4o ของ OpenAI ต้องใช้เงินถึง 78 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 2,800 ล้านบาท) หรือมากกว่านั้น
DeepSeek ยังสร้างความฮือฮาในแวดวงเทคโนโลยีด้วยทีมงานขนาดเล็กเพียง 139 คน เทียบกับ OpenAI ที่มีนักวิจัยกว่า 1,200 คน โดยหนึ่งในทีมงานของ DeepSeek คือวิศวกร AI สาวอัจฉริยะ ที่ถูกข่าวลือเชื่อมโยงกับการถูก Xiaomi ทาบทามด้วยค่าตอบแทนมหาศาล
อนาคตของ DeepSeek
ปัจจุบัน DeepSeek กำลังขยายทีมงาน โดยบริษัทในปักกิ่งเปิดรับพนักงานใหม่ 52 ตำแหน่ง พร้อมเสนอค่าจ้างที่สูง โดยเฉพาะนักพัฒนา AI ที่อาจได้รับเงินเดือนสูงถึง 90,000 หยวนต่อเดือน (ประมาณ 450,000 บาท) ขณะที่นักศึกษาฝึกงานได้รับค่าจ้างวันละ 500-1,000 หยวน (ประมาณ 2,500-5,000 บาท)
ความสำเร็จของ DeepSeek ทำให้หุ้นของบริษัทที่เกี่ยวข้องพุ่งสูงขึ้น โดยหุ้นของบริษัทในเครือ เช่น Zhejiang Dongfang และ Huajin Capital ปิดตลาดในระดับสูงสุด ท่ามกลางการคาดการณ์ว่า DeepSeek อาจเป็นผู้นำคลื่นลูกใหม่ของ AI จากจีน
ที่มา: 每日经济新闻 (National Business Daily)
