สื่อตะวันตกรายงานว่า โดนัลด์ ทรัมป์ต้องการไปเยือนจีน หลังจากเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาสมัยที่ 2
หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีเจอร์นัลเป็นสื่อแห่งแรกที่รายงานเรื่องทรัมป์อยากไปเยือนจีนเมื่อวันเสาร์ (18 ม.ค.) โดยอ้างแหล่งข่าวที่ใกล้ชิดกับเรื่องนี้ ซึ่งระบุว่า ทรัมป์ได้บอกเป็นการส่วนตัวกับที่ปรึกษาของตนเองถึงความประสงค์ที่อยากจะเดินทางไปเยือนจีนในช่วงการบริหารประเทศ 100 วันแรก นอกจากนั้น ทรัมป์และประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีนยังได้มีการหารือกันผ่านตัวแทนของแต่ละฝ่ายในเรื่องโอกาสที่ผู้นำทั้งสองจะมีการพบปะหารือกันแบบเจอตัวกันจริงๆ ซึ่งทางเลือกหนึ่งก็คือว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนใหม่จะเชิญผู้นำจีนเดินทางมาสหรัฐฯ
อย่างไรก็ตาม สถานทูตจีนประจำกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. มิได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับรายงานข่าวดังกล่าว
ต่อมาซีเอ็นเอ็นรายงานโดยอ้างแหล่งข่าว 3 คน ซึ่งระบุว่า ทรัมป์แสดงความสนใจที่จะไปเยือนหลายประเทศ เมื่อเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดี รวมถึงการเยือนอินเดียเพื่อพบหารือกับนายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี ซึ่งเขามีความสัมพันธ์อันอบอุ่นด้วยมายาวนาน
ในช่วงการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีที่ผ่านมา ทรัมป์ประกาศจะรีดภาษีนำเข้าและใช้มาตรการอื่นๆ กับจีนอย่างแข็งกร้าว อย่างไรก็ตาม เมื่อวันศุกร์ (17 ม.ค.) ก่อนพิธีสาบานตนรับตำแหน่งในวันจันทร์ (20 ม.ค.) นั้น มีการโทรศัพท์สนทนากันระหว่างทรัมป์กับสี จิ้นผิงในหลายประเด็น รวมถึงประเด็นการค้า ยาบรรเทาปวดเฟนทานิลซึ่งมีสารเสพติดจากจีน และแอปติ๊กต็อกซึ่งสหรัฐฯ วิตกเป็นภัยต่อความมั่นคง ทรัมป์ยังเชิญสี จิ้นผิงมาร่วมพิธีสาบานตนรับตำแหน่งของตน อย่างไรก็ตาม จีนได้ส่งรองประธานาธิบดี หาน เจิ้งมาร่วมงานแทน
นายเจสัน มิลเลอร์ ที่ปรึกษาคนหนึ่งของทรัมป์ให้สัมภาษณ์กับซีเอ็นเอ็นว่า ในช่วง 4 ปีของการบริหารประเทศสมัยแรกของทรัมป์ สิ่งหนึ่งที่ทรัมป์ทำได้อย่างมีประสิทธิภาพมากก็คือทรัมป์รู้ว่า ต้องสามารถพูดคุยกับประเทศซึ่งเป็นฝ่ายตรงกันข้าม จึงจะสามารถเปลี่ยนแปลงบางสิ่งบางอย่างได้
“นั่นหมายความว่าเราจะเป็นเพื่อนซี้กันรึ? ไม่เลย มันหมายความว่าประธานาธิบดีทรัมป์สามารถเข้มงวดกับพวกเขาได้โดยตรงมากขึ้นนั่นต่างหาก” นายมิลเลอร์กล่าว
ที่ปรึกษาทรัมป์อีกคนมองจุดประสงค์ของประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนใหม่ว่า ทรัมป์ต้องการทำข้อตกลงกับสี จิ้นผิง และดำเนินความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลสหรัฐฯ กับปักกิ่งผ่านความสัมพันธ์ระหว่างเขากับสี จิ้นผิง โดยทรัมป์พยายามปลูกฝังความสัมพันธ์ส่วนตัวกับสี จิ้นผิงในระหว่างเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ สมัยแรก ไม่ว่าจะเป็นการเชื้อเชิญสี จิ้นผิงไปเยือนมาร์-อา-ลาโก รีสอร์ตสุดหรูของตนเพียงเพื่อพูดคุยกันเรื่องเค้กช็อกโกแลต หรือการไปเยือนกรุงปักกิ่งเมื่อปี 2560 ซึ่งการเยี่ยมชมพระราชวังต้องห้ามและการนั่งสนทนากันภายในมหาศาลาประชาชน ล้วนเป็นฉากอันน่าจดจำ ทรัมป์ต้องการจุดประกายความสัมพันธ์นั้นอีกครั้ง
ด้านสี จิ้นผิงเองนั้นก็แสดงท่าทีให้เห็นว่า ดำเนินแนวทางที่เปิดกว้างมากขึ้นกับทรัมป์ซึ่งรวมถึงการแสดงความยินดีภายหลังจากทรัมป์ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อเดือนพฤศจิกายน และกล่าวว่าสหรัฐฯ กับจีนควร “ค้นหาวิธีที่เหมาะสมที่จะไปด้วยกันได้ในยุคสมัยใหม่ เพื่อเป็นประโยชน์ต่อชาติทั้งสองและโลกที่กว้างขึ้น” ตามรายงานของสำนักข่าวซินหัวสื่อทางการจีน
ที่มา : รอยเตอร์/ซีเอ็นเอ็น