xs
xsm
sm
md
lg

จับตาทรัมป์วาดลวดลายเกี้ยวสี จิ้นผิง บอกกับที่ปรึกษาอยากไปเยือนแดนมังกร

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


พิธีต้อนรับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐฯ ในกรุงปักกิ่ง เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2560 - ภาพ : รอยเตอร์
สื่อตะวันตกรายงานว่า โดนัลด์ ทรัมป์ต้องการไปเยือนจีน หลังจากเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาสมัยที่ 2
 
หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีเจอร์นัลเป็นสื่อแห่งแรกที่รายงานเรื่องทรัมป์อยากไปเยือนจีนเมื่อวันเสาร์ (18 ม.ค.) โดยอ้างแหล่งข่าวที่ใกล้ชิดกับเรื่องนี้ ซึ่งระบุว่า ทรัมป์ได้บอกเป็นการส่วนตัวกับที่ปรึกษาของตนเองถึงความประสงค์ที่อยากจะเดินทางไปเยือนจีนในช่วงการบริหารประเทศ 100 วันแรก นอกจากนั้น ทรัมป์และประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีนยังได้มีการหารือกันผ่านตัวแทนของแต่ละฝ่ายในเรื่องโอกาสที่ผู้นำทั้งสองจะมีการพบปะหารือกันแบบเจอตัวกันจริงๆ ซึ่งทางเลือกหนึ่งก็คือว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนใหม่จะเชิญผู้นำจีนเดินทางมาสหรัฐฯ


อย่างไรก็ตาม สถานทูตจีนประจำกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. มิได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับรายงานข่าวดังกล่าว
 
ต่อมาซีเอ็นเอ็นรายงานโดยอ้างแหล่งข่าว 3 คน ซึ่งระบุว่า ทรัมป์แสดงความสนใจที่จะไปเยือนหลายประเทศ เมื่อเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดี รวมถึงการเยือนอินเดียเพื่อพบหารือกับนายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี ซึ่งเขามีความสัมพันธ์อันอบอุ่นด้วยมายาวนาน

 
ในช่วงการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีที่ผ่านมา ทรัมป์ประกาศจะรีดภาษีนำเข้าและใช้มาตรการอื่นๆ กับจีนอย่างแข็งกร้าว อย่างไรก็ตาม เมื่อวันศุกร์ (17 ม.ค.) ก่อนพิธีสาบานตนรับตำแหน่งในวันจันทร์ (20 ม.ค.) นั้น มีการโทรศัพท์สนทนากันระหว่างทรัมป์กับสี จิ้นผิงในหลายประเด็น รวมถึงประเด็นการค้า ยาบรรเทาปวดเฟนทานิลซึ่งมีสารเสพติดจากจีน และแอปติ๊กต็อกซึ่งสหรัฐฯ วิตกเป็นภัยต่อความมั่นคง ทรัมป์ยังเชิญสี จิ้นผิงมาร่วมพิธีสาบานตนรับตำแหน่งของตน อย่างไรก็ตาม จีนได้ส่งรองประธานาธิบดี หาน เจิ้งมาร่วมงานแทน


นางเมลาเนีย ทรัมป์, ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์, ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีน และนางเผิง ลี่หยวน ภริยาเยี่ยมชมพระราชวังต้องห้ามในกรุงปักกิ่งระหว่างการเยือนจีนของผู้นำสหรัฐฯเมื่อปี 2560  - ภาพ: เอเอฟพี
นายเจสัน มิลเลอร์ ที่ปรึกษาคนหนึ่งของทรัมป์ให้สัมภาษณ์กับซีเอ็นเอ็นว่า ในช่วง 4 ปีของการบริหารประเทศสมัยแรกของทรัมป์ สิ่งหนึ่งที่ทรัมป์ทำได้อย่างมีประสิทธิภาพมากก็คือทรัมป์รู้ว่า ต้องสามารถพูดคุยกับประเทศซึ่งเป็นฝ่ายตรงกันข้าม จึงจะสามารถเปลี่ยนแปลงบางสิ่งบางอย่างได้

“นั่นหมายความว่าเราจะเป็นเพื่อนซี้กันรึ? ไม่เลย มันหมายความว่าประธานาธิบดีทรัมป์สามารถเข้มงวดกับพวกเขาได้โดยตรงมากขึ้นนั่นต่างหาก” นายมิลเลอร์กล่าว


ที่ปรึกษาทรัมป์อีกคนมองจุดประสงค์ของประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนใหม่ว่า ทรัมป์ต้องการทำข้อตกลงกับสี จิ้นผิง และดำเนินความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลสหรัฐฯ กับปักกิ่งผ่านความสัมพันธ์ระหว่างเขากับสี จิ้นผิง โดยทรัมป์พยายามปลูกฝังความสัมพันธ์ส่วนตัวกับสี จิ้นผิงในระหว่างเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ สมัยแรก ไม่ว่าจะเป็นการเชื้อเชิญสี จิ้นผิงไปเยือนมาร์-อา-ลาโก รีสอร์ตสุดหรูของตนเพียงเพื่อพูดคุยกันเรื่องเค้กช็อกโกแลต หรือการไปเยือนกรุงปักกิ่งเมื่อปี 2560 ซึ่งการเยี่ยมชมพระราชวังต้องห้ามและการนั่งสนทนากันภายในมหาศาลาประชาชน ล้วนเป็นฉากอันน่าจดจำ ทรัมป์ต้องการจุดประกายความสัมพันธ์นั้นอีกครั้ง


ด้านสี จิ้นผิงเองนั้นก็แสดงท่าทีให้เห็นว่า ดำเนินแนวทางที่เปิดกว้างมากขึ้นกับทรัมป์ซึ่งรวมถึงการแสดงความยินดีภายหลังจากทรัมป์ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อเดือนพฤศจิกายน และกล่าวว่าสหรัฐฯ กับจีนควร “ค้นหาวิธีที่เหมาะสมที่จะไปด้วยกันได้ในยุคสมัยใหม่ เพื่อเป็นประโยชน์ต่อชาติทั้งสองและโลกที่กว้างขึ้น” ตามรายงานของสำนักข่าวซินหัวสื่อทางการจีน


ที่มา : รอยเตอร์/ซีเอ็นเอ็น


กำลังโหลดความคิดเห็น