หัวเว่ย (Huawei) ประกาศแผนการจ่ายโบนัสประจำปี 2567 ด้วยงบประมาณกว่า 723,300 ล้านหยวน (ประมาณ 3.6 ล้านล้านบาท) ซึ่งเมื่อหารเฉลี่ยกับพนักงานที่ถือหุ้น 151,796 คน จะได้รับโบนัสเฉลี่ยคนละ 476,500 หยวน (ประมาณ 2.38 ล้านบาท)
เหรินเจิ้งเฟย (Ren Zhengfei) ผู้ก่อตั้งหัวเว่ยถือหุ้น 0.73% ของบริษัท ตามแผนการจ่ายโบนัสปีนี้ เขาจะได้รับเงินราว 5.28 พันล้านหยวน (ประมาณ 2.6 หมื่นล้านบาท) ซึ่งถือว่าไม่สูงมากเมื่อเทียบกับผู้บริหารบริษัทเทคโนโลยีรายอื่น เช่น เฉินฟูหยาง (Hock Tan) ซีอีโอของ Broadcom ที่มีรายได้รวม 11.7 พันล้านหยวน (ประมาณ 5.8 หมื่นล้านบาท) ในปี 2566
ตั้งแต่ปี 2563 หัวเว่ยถูกสหรัฐฯ คว่ำบาตร ส่งผลให้รายได้และผลกำไรของบริษัทลดลง รวมถึงอัตราโบนัสที่ลดลงจาก 1.86 หยวนต่อหุ้นในปี 2563 เหลือ 1.41 หยวนในปี 2567 อย่างไรก็ตาม หัวเว่ยยังคงสามารถทำกำไรได้ โดยปี 2566 มีกำไรสุทธิ 870,000 ล้านหยวน (ประมาณ 4.35 ล้านล้านบาท)
มีบางคนวิจารณ์ว่าหัวเว่ยกำลังจ่ายโบนัสมากเกินไป แต่ข้อเท็จจริงคือ โบนัสถือเป็นต้นทุนด้านทรัพยากรบุคคล ไม่ได้หักจากกำไรโดยตรง อีกทั้งหัวเว่ยยังไม่เคยขาดทุนหรือมีหนี้สินล้นพ้นตัว
แตกต่างจากบริษัทมหาชนทั่วไปที่มีผู้ถือหุ้นรายใหญ่ หัวเว่ยเป็นบริษัทที่พนักงานสามารถถือหุ้นได้ โดยปัจจุบันมีพนักงานราว 207,000 คน ในจำนวนนี้ ประมาณ 152,000 คนถือหุ้นในบริษัท ในขณะที่พนักงานใหม่ ต้องทำงานอย่างน้อย 3 ปี จึงจะได้รับสิทธิถือหุ้น
อย่างไรก็ตาม หุ้นของหัวเว่ยเป็น "หุ้นเสมือน" ซึ่งหมายความว่าพนักงานไม่มีสิทธิขายหรือโอนหุ้น มีเพียงสิทธิได้รับโบนัสเท่านั้น
ที่มา : 数字财经智库
