แอปพลิเคชัน ติ๊กต็อก (TikTok) ไม่สามารถใช้งานในสหรัฐฯ ได้ตั้งแต่วันเสาร์ที่ผ่านมา (18 ม.ค.) หลังจากกฎหมายแบนแพลตฟอร์มดังกล่าวมีผลบังคับใช้ โดยเมื่อผู้ใช้พยายามเปิดแอปฯ จะพบข้อความว่า "ขออภัย ขณะนี้ติ๊กต็อกไม่สามารถใช้งานได้" พร้อมระบุว่า "กฎหมายที่ห้ามใช้ติ๊กต็อกในสหรัฐฯ มีผลบังคับใช้แล้ว"
ติ๊กต็อกยังแจ้งผู้ใช้เพิ่มเติมว่า "โชคดีที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ให้คำมั่นว่าจะหาทางออกเพื่อให้ติ๊กต็อกกลับมาใช้งานได้เมื่อเขาเข้ารับตำแหน่ง" และแนะนำให้ผู้ใช้รอติดตามความคืบหน้า
ทั้งนี้ แอปฯ ติ๊กต็อกยังถูกถอดออกจาก App Store ของ Apple และ Google Play Store ในสหรัฐฯ ทำให้ไม่สามารถดาวน์โหลดหรืออัปเดตได้อีกต่อไป ปัจจุบัน ติ๊กต็อกมีผู้ใช้ในสหรัฐฯ กว่า 170 ล้านคน
แอปฯ อื่นที่พัฒนาโดยไบต์แดนซ์ (ByteDance) เจ้าของแพลตฟอร์ม ติ๊กต็อก เช่น CapCut, Lemon8 และ Gauth ก็ไม่สามารถใช้งานได้เช่นกัน
เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้ลงนามในกฎหมาย "ปกป้องชาวอเมริกันจากแอปพลิเคชันที่ควบคุมโดยศัตรูต่างชาติ" (Protecting Americans from Foreign Adversary Controlled Applications Act) ซึ่งบังคับให้ ไบต์แดนซ์ต้องขายติ๊กต็อกให้กับเจ้าของในสหรัฐฯ มิฉะนั้นแอปฯ จะถูกแบน
ล่าสุด เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (17 ม.ค.) ศาลสูงสหรัฐฯ มีคำตัดสินสนับสนุนกฎหมายดังกล่าว ส่งผลให้ติ๊กต็อกต้องปิดการให้บริการในสหรัฐฯ
ฝ่ายบริหารของ ไบเดน ระบุว่าจะปล่อยให้รัฐบาลชุดใหม่ของ โดนัลด์ ทรัมป์ เป็นผู้ตัดสินใจว่าจะบังคับใช้กฎหมายนี้ต่อไปหรือไม่ โดยก่อนหน้านี้ ทรัมป์เคยกล่าวว่าเขาจะให้ไบต์แดนซ์มีเวลาเพิ่มอีก 90 วัน ในการขายติ๊กต็อก แทนที่จะถูกแบนทันที
ติ๊กต็อกถูกวิจารณ์จากนักการเมืองทั้งสองพรรค ในสหรัฐฯ ว่าเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคง เนื่องจากเป็นแอปฯ ของจีนที่อาจทำให้รัฐบาลจีนสามารถเข้าถึงข้อมูลของชาวอเมริกันหรือควบคุมเนื้อหาที่เผยแพร่ได้ อย่างไรก็ตาม ติ๊กต็อกยืนยันว่าแพลตฟอร์มของตนปลอดภัย และการแบนเป็นเรื่องของการละเมิดเสรีภาพในการแสดงออก