คณะกรรมาธิการพิเศษด้านจีนของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ (House select committee on China) ระบุในหนังสือถึงอธิการบดีมหาวิทยาลัยมิชิแกนว่า มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้เจียวทง ของจีนมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในยุทธศาสตร์การหลอมรวมการทหารและพลเรือนเข้าด้วยกันของพรรคคอมมิวนิสต์จีน
หนังสือนี้มีมาถึงเมื่อ 3 เดือนก่อน ส่งผลให้ทางมหาวิทยาลัยประกาศการตัดสินใจเมื่อวันศุกร์ (10 ม.ค.) ว่า กำลังจะยุติความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยแดนมังกร นายแซนต้า โอโนะ อธิการบดีชี้แจงว่า ทางมหาวิทยาลัยต้องให้ความสำคัญกับความรับผิดชอบต่อความมั่นคงของประเทศก่อนเป็นอันดับแรก แม้ว่าความร่วมมือด้านวิชาการระหว่างประเทศจะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางการศึกษาในระดับโลกแก่นักศึกษาก็ตาม
มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้เจียวทงมีชื่อเสียงด้านวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมศาสตร์ ถึงแม้ไม่อยู่ในบัญชีดำของสหรัฐฯ แต่ก็ถูกสถาบันนโยบายเชิงกลยุทธ์แห่งออสเตรเลีย ซึ่งเป็นสถาบันคลังสมองในกรุงแคนเบอร์ราขึ้นบัญชีมหาวิทยาลัยจีนที่มีความเสี่ยงสูงว่าเกี่ยวข้องกับการทหาร
มหาวิทยาลัยของรัฐชั้นนำทั้งสองจัดตั้งสถาบันร่วมกันในปี 2548 เปิดสอนหลักสูตรปริญญาวิศวกรรมศาสตร์ ภาษาอังกฤษ โดยมีการแลกเปลี่ยนนักศึกษาระหว่างกัน อย่างไรก็ตาม ความร่วมมือดังกล่าวถูก ส.ส. มะกันเพ่งเล็ง หลังจากเกิดเหตุนักศึกษาชาวจีนของมหาวิทยาลัยมิชิแกนเข้าไปทำกิจกรรมใกล้ค่ายทหาร และต่อมาถูกทางการสหรัฐฯ ตั้งข้อกล่าวหาแอบสอดส่องการซ้อมรบเมื่อปี 2566
นายจอห์น มูเลนาร์ ส.ส.รัฐมิชิแกนจากพรรครีพับลิกัน ซึ่งเป็นประธานคณะกรรมาธิการพิเศษชุดดังกล่าวยกย่องการตัดสินใจของมหาวิทยาลัยมิชิแกนว่าเป็นสิ่งถูกต้อง เขาเห็นว่ามีมหาวิทยาลัยในสหรัฐฯ มากเกินไปแล้วที่กำลังดำเนินความร่วมมือทางเทคโนโลยีกับนักวิจัยของพรรคคอมมิวนิสต์จีน เช่น เทคโนโลยีด้านอาวุธ ปัญญาประดิษฐ์ และฟิสิกส์นิวเคลียร์
สถาบันเทคโนโลยีจอร์เจีย หรือจอร์เจียเทคประกาศยุติความร่วมมือในเมืองเซินเจิ้นและเทียนจินเมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว และก่อนหน้านั้น มหาวิทยาลัยอัลเฟรดในนิวยอร์กระบุว่าจะปิดสถาบันขงจื่อ ซึ่งเป็นโครงการด้านภาษาและวัฒนธรรม ที่รัฐบาลจีนให้ทุนสนับสนุน หลังจากถูกคณะกรรมาธิการชุดของ ส.ส.รีพับลิกันผู้นี้ตรวจสอบ
มหาวิทยาลัยทั่วสหรัฐฯ กำลังถูกฝ่ายการเมืองเข้ามาตรวจสอบมากขึ้นในเรื่องความสัมพันธ์กับจีน โดยความร่วมมือด้านการศึกษาหลายโครงการในรัฐฟลอริดาถูกยกเลิกเมื่อปีที่แล้ว หลังจากมีการแก้ไขกฎหมายของรัฐทำให้การอนุมัติยากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ยังคงมีความร่วมมือใหม่ๆ เกิดขึ้นบ้าง โดยเมื่อปี 2566 โรงเรียนกฎหมายบีสลีย์ของมหาวิทยาลัยเทมเพิล ได้เริ่มการแลกเปลี่ยนนักศึกษาและคณาจารย์ใหม่กับมหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีจีนตอนเหนือ (North China University of Science and Technology) ในมณฑลเหอเป่ย
นอกจากนั้น เมื่อปีที่แล้วมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดได้เปิดตัวโครงการริเริ่มการศึกษาในต่างประเทศครั้งใหม่ร่วมกับมหาวิทยาลัยฟู่ตันในเซี่ยงไฮ้ โดยมุ่งเน้นด้านวัฒนธรรมของเมืองและเศรษฐศาสตร์เอเชียตะวันออก
“มหาวิทยาลัยเป็นสถาบันที่อยู่ได้นานกว่าช่วงเวลาทางการเมือง” วิลเลียม เคอร์บี หัวหน้าโครงการกล่าว
ที่มา : เซาท์ไชน่ามอร์นิงโพสต์