จีนกำลังเผชิญวิกฤตผู้ป่วยโรคระบบทางเดินหายใจเพิ่มสูง โดยเฉพาะไข้หวัดใหญ่และไวรัส HMPV ขณะที่โรงพยาบาลใหญ่ทั่วประเทศรองรับผู้ป่วยเกินขีดความสามารถ ผู้เชี่ยวชาญเตือนระวังการใช้ยาด้วยตนเอง และแนะนำประชากรกลุ่มเสี่ยงเร่งฉีดวัคซีน
ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2567 เป็นต้นมา การแพร่ระบาดของไข้หวัดใหญ่ในจีนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กเล็กและผู้สูงอายุ ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของจีน (China CDC) รายงานว่า อัตราผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ในประเทศเพิ่มขึ้นถึง 6.2% ในช่วงปลายปี ขณะที่ไวรัสระบบทางเดินหายใจอย่าง RSV และ HMPV มีแนวโน้มสูงขึ้น
ในกรุงปักกิ่ง และเซี่ยงไฮ้ โรงพยาบาลเด็กหลายแห่งมีผู้ป่วยเข้ารับการรักษาอย่างล้นหลาม ตัวอย่างเช่น โรงพยาบาลเด็กในปักกิ่ง มีผู้ป่วยรอคิวตรวจมากกว่า 60 รายในเวลาเดียวกัน ส่วนโรงพยาบาลในเมืองหนานจิงต้องเพิ่มแพทย์จากแผนกอื่นเข้ามาช่วยรองรับผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้นถึง 3 เท่าจากปกติ
ผู้ป่วยส่วนใหญ่มีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ทั่วไป เช่น ไข้สูงกว่า 38 องศาเซลเซียส ไอ เจ็บคอ และเวียนศีรษะ อย่างไรก็ตาม บางรายรายงานอาการที่ไม่เคยพบมาก่อน เช่น ปวดหัวรุนแรงและอ่อนเพลียจนไม่สามารถลุกจากเตียงได้
ดร.เหยียน เว่ยเฟิง หัวหน้าแผนกระบบทางเดินหายใจ โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในกรุงปักกิ่ง ชี้แจงว่า อาการที่หลากหลายเกิดจากการตอบสนองของร่างกายแต่ละคนต่อไวรัส ไม่ได้เกิดจากไวรัสสายพันธุ์ใหม่แต่อย่างใด ข้อมูลล่าสุดจากศูนย์ควบคุมโรคระบุว่า ไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ H1N1 ยังคงเป็นตัวการหลักในครั้งนี้ โดยตรวจพบในตัวอย่างผู้ติดเชื้อถึง 99.6%
นอกจากไข้หวัดใหญ่แล้ว ผู้เชี่ยวชาญยังพบว่า ไวรัสระบบทางเดินหายใจ HMPV ซึ่งมักถูกมองข้าม กำลังระบาดเพิ่มขึ้นในกลุ่มเด็กเล็ก ศูนย์ควบคุมโรคระบุว่า ไวรัสชนิดนี้เป็นสาเหตุของการติดเชื้อในทางเดินหายใจส่วนล่าง อาจรุนแรงถึงขั้นปอดอักเสบในเด็กเล็กและผู้สูงอายุ
การระบาดของ HMPV ในจีนครั้งนี้สอดคล้องกับฤดูกาลที่มักเกิดการแพร่ระบาดช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงกุมภาพันธ์ ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะมีอาการไข้ ไอ หายใจลำบาก ซึ่งคล้ายกับอาการของไข้หวัดใหญ่ ทำให้การวินิจฉัยเบื้องต้นเป็นไปได้ยาก
ผู้เชี่ยวชาญเน้นย้ำความสำคัญของการฉีดวัคซีน โดยเฉพาะในประชากรกลุ่มเสี่ยง เช่น เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ และผู้ที่มีโรคประจำตัว การฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่สามารถลดความเสี่ยงของการติดเชื้อและลดความรุนแรงของโรค โดยวัคซีนที่ใช้ในปีนี้ยังตรงกับไวรัสสายพันธุ์ H1N1 ที่กำลังระบาด
ดร.หลู หงโจว แพทย์ประจำโรงพยาบาลในเซินเจิ้น เตือนให้หลีกเลี่ยงการใช้ยาด้วยตนเอง โดยเฉพาะยาต้านไวรัส หรือยาปฏิชีวนะหากไม่มีคำสั่งจากแพทย์ เพราะอาจก่อให้เกิดอันตรายจากการใช้ยาหลายชนิดร่วมกัน
นอกจากนี้ การดูแลสุขอนามัยส่วนบุคคล เช่น การล้างมือบ่อยๆ การสวมหน้ากากอนามัยในที่แออัด และหลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วย เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยลดการแพร่กระจายของโรคได้
ศูนย์ควบคุมโรคคาดว่า การระบาดของไข้หวัดใหญ่ในจีนจะถึงจุดสูงสุดช่วงเทศกาลตรุษจีนปี 2568 ซึ่งเป็นช่วงที่ประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนาและรวมตัวในครอบครัวจำนวนมาก ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้ประชาชนที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนรีบเข้ารับวัคซีนเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันก่อนการเดินทาง
ที่มา : 上海医学界