ชาวจีนอพยพเข้าสหรัฐอเมริกาอย่างผิดกฎหมายรู้สึกเคว้งคว้าง หลังจากนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีในอีกไม่กี่วันประกาศว่าจะเนรเทศผู้ลักลอบเข้าเมืองที่เป็นคนจีนก่อนเป็นอันดับแรก ด้วยเหตุผลด้านความมั่นคงของชาติ
แหล่งข่าวใกล้ชิดกับทีมหาเสียงของทรัมป์ให้สัมภาษณ์พิเศษกับเอ็นบีซีนิวส์ ว่าผู้อพยพชาวจีนที่ไม่มีเอกสารรับรองและอยู่ในวัยเกณฑ์ทหารจะเป็นหนึ่งในกลุ่มแรกที่ตกเป็นเป้าหมาย
อย่างไรก็ตาม ทีมงานเปลี่ยนผ่านรัฐบาลของทรัมป์ปฏิเสธตอบคำถามของเอ็นบีซีนิวส์ในเรื่องดังกล่าว
จำนวนชาวจีนที่ลักลอบข้ามพรมแดนทางตอนเหนือและตอนใต้ของสหรัฐฯ เข้ามาพุ่งสูงในช่วงไม่กี่ปีก่อน โดยระหว่างปีงบประมาณ 2565-2567 จำนวนเพิ่มขึ้นเป็น 3 เท่า จากกว่า 27,000 คนเป็นมากกว่า 78,000 คน
ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่าภาวะเศรษฐกิจตกต่ำและความขัดแย้งทางการเมืองในจีน ซึ่งมาถึงจุดวิกฤตในช่วงที่ประเทศต้องล็อกดาวน์เพื่อรับมือกับโควิด-19 เป็นสาเหตุหลักของกระแสการอพยพระหว่างประเทศ กระนั้นทรัมป์ยังกล่าวซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าชาย "วัยทหาร" กำลังสมคบคิดกันสร้างกองทัพ
“และสำหรับผมแล้ว ดูเหมือนว่าคนพวกนั้นกำลังพยายามสร้างกองทัพเล็กๆ ขึ้นในประเทศของเราอยู่หรือเปล่า นั่นคือสิ่งที่พวกเขากำลังพยายามทำหรือเปล่า” ทรัมป์กล่าวระหว่างการหาเสียงการเลือกตั้งประธานาธิบดีที่ผ่านมา
นายปิน เว่ย วัย 50 ปี พร้อมลูกชายวัยรุ่นอพยพเข้าสหรัฐฯ ผ่านช่องเขาดาริเอน (Darien Gap) ซึ่งเป็นป่าทึบเชื่อมระหว่างภูมิภาคอเมริกากลางและอเมริกาใต้และเต็มไปด้วยอันตราย
“เราละทิ้งชีวิตที่ยากลำบากและถูกกดขี่ มันยากเย็นแสนเข็ญยิ่งกว่าที่ผู้คนจำนวนมากในสหรัฐฯ จะจินตนาการได้”
“สิ่งที่เราต้องการคืออิสรภาพที่จะทำให้ชีวิตของเราและลูกดีขึ้น” นายเว่ยพยายามชี้แจง หลังถูกตราหน้าว่ามุ่งร้ายต่อสหรัฐฯ
ปัจจุบัน เว่ยอายุอยู่ในรัฐแคลิฟอร์เนียตอนใต้ สิ่งที่เขาวิตกกังวลมากที่สุดก็คือนโยบายของทรัมป์อาจส่งผลกระทบต่อชีวิตของลูกชาย
“เขาคือเหตุผลทั้งหมดที่เรามาสหรัฐฯ” เว่ย กล่าว
นายทอม โฮแมน ซึ่งจะได้กลับมาคุมงานสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากรอีกครั้งในรัฐบาลทรัมป์สมัยที่ 2 พูดในทำนองว่ารัฐบาลจีนคือผู้สนับสนุนให้ชายจีน 60,000 คน ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในวัยเกณฑ์ทหารอพยพเข้าสหรัฐฯ
“พวกเราไม่ใช่สายลับทางทหาร คุณเห็นใครซื้ออาวุธหนักหรืออาวุธที่นี่บ้างไหม”
“การที่ทรัมป์พูดแบบนี้มันบ้าไปแล้ว” นายเควิน หยาง ชาวจีนอพยพเข้าเมืองผิดกฎหมายวัย 46 ปีระเบิดอารมณ์
เขาตัดพ้อว่า ครั้งหนึ่งเขารู้สึกเป็นหนี้บุญคุณสหรัฐฯ แต่ตอนนี้ เมื่อ ทรัมป์จะเป็นประธานาธิบดีสมัยที่สอง “ความรู้สึกขอบคุณที่ครั้งหนึ่งผมรู้สึกต่อเมกาที่ยอมรับผมเข้ามาในประเทศ... ตอนนี้กลายเป็นความวิตกกังวลและความกลัวไปแล้ว”
ด้านนายหยาง ซึ่งถูกข่มเหงทางการเมืองจึงหนีมาสหรัฐฯ ในปี 2565 โดยการเดินเท้าผ่านทะเลทรายชี้ว่า นโยบายที่พวกของทรัมป์เสนอ เช่น การจัดตั้งค่ายกักกันผู้อพยพผิดกฎหมายและการส่งกองทหารไปเนรเทศผู้อพยพนั้นไม่ต่างอะไรกับระบอบเผด็จการในจีน
หากนโยบายเนรเทศของทรัมป์มุ่งเน้นไปที่ผู้อพยพเชื้อสายจีนจริงก็เสี่ยงที่จะถูกท้าทายทางกฎหมาย เนื่องจากเป็นตัวอย่างของการเลือกปฏิบัติด้านเชื้อชาติอย่างชัดเจน
อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญตั้งข้อสังเกตว่า การดำเนินนโยบายเนรเทศภายใต้รัฐบาลทรัมป์สมัยที่ 2 อาจประสบความสำเร็จยิ่งกว่ารัฐบาลทรัมป์สมัยแรก เนื่องมีประสบการณ์มากขึ้น อีกทั้งได้แรงสนับสนุนจากประชาชนที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
เอโลรา มูเคอร์จี ผู้อำนวยการคลินิกสิทธิผู้อพยพ (Immigrants’ Rights Clinic) ของโรงเรียนกฎหมายโคลัมเบีย กล่าวกับเอ็นบีซีนิวส์โดยคาดว่า จะได้เห็นการบุกจับกุมของเจ้าหน้าที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากรของสหรัฐฯ (ICE) ซึ่งดำเนินการเพื่อจุดประสงค์การข่มขวัญให้ชุมชนผู้อพยพตกใจกลัวอย่างแน่นอน และจะเป็นการจับกุมคนจำนวนมากในลักษณะเหวี่ยงแห ซึ่งรวมถึงผู้อพยพที่ได้รับสถานภาพถูกต้องตามกฎหมายด้วย
ที่มา : NBC News