xs
xsm
sm
md
lg

สงครามการค้าจีน-อียูแพ้ทั้งคู่! นักการทูตสูงสุดแดนมังกรเตือน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


นายหวัง อี้ รัฐมนตรีต่างประเทศจีน (ขวา) พบกับนายเอ็มมานูเอล บอนน์ ที่ปรึกษาด้านการทูตของประธานาธิบดีฝรั่งเศส ในกรุงปักกิ่งเมื่อวันเสาร์ - ภาพ: ซินหัว
นายหวัง อี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และนักการเมืองอาวุโสของจีนเตือนสหภาพยุโรป (อียู) สงครามการค้าจะนำไปสู่สถานการณ์ที่พ่ายแพ้ด้วยกันทั้งสองฝ่าย
 
ความบาดหมางทางการค้าระหว่างจีนกับอียูร้อนระอุขึ้นทุกที จนอาจระเบิดเป็นสงครามการค้ากันในที่สุด โดยเมื่อต้นปีนี้อียูได้ปรับขึ้นภาษีนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้า (อีวี) จากจีนด้วยเหตุผลได้รับเงินอุดหนุนจากรัฐบาลจีนจนมีความได้เปรียบในการแข่งขันเหนือค่ายผู้ผลิตอีวียุโรป ด้านจีนสั่งดำเนินการตรวจสอบการนำเข้าเนื้อหมูและผลิตภัณฑ์นมจากยุโรปเป็นการตอบโต้
 
นายหวัง อี้ แสดงความเห็นดังกล่าวกับนาย เอ็มมานูเอล บอนน์ ที่ปรึกษาทางการทูตของประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง แห่งฝรั่งเศส ระหว่างการประชุมหารือเชิงยุทธศาสตร์จีน-ฝรั่งเศส ครั้งที่ 26 ที่กรุงปักกิ่งเมื่อวันเสาร์ (14 ธ.ค.) ตามการแถลงของกระทรวงการต่างประเทศจีน


“สงครามการค้าจะนำไปสู่สถานการณ์ 'แพ้-แพ้' เท่านั้น”


“จีนเป็นผู้ปกป้องระบบการค้าเสรีที่มีความแน่วแน่เด็ดเดี่ยวมากที่สุด และต่อต้านการนำเรื่องเศรษฐกิจการค้ามาเป็นประเด็นทางการเมือง” หวังอี้กล่าวกับนายบอนน์ พร้อมกับเรียกร้องให้คณะกรรมาธิการยุโรป ซึ่งเป็นองค์กรฝ่ายบริหารของอียูมีทัศนคติที่สร้างสรรค์และพูดคุยกับจีนเพื่อหาทางแนวทางแก้ไขปัญหา ซึ่งที่เป็นที่ยอมรับร่วมกัน


ด้านนายบอนน์ กล่าวตอบว่า ฝรั่งเศสไม่สนับสนุนสงครามการค้าและสนับสนุน “ความร่วมมือซึ่งได้รับประโยชน์ร่วมกันระหว่างยุโรปกับจีน” นอกจากนั้น ประเทศของเขาจะยึดมั่นกับหลักการจีนเดียว โดยให้ความสำคัญกับมิตรภาพและความไว้วางใจกัน
 

ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครงแห่งฝรั่งเศสจิบเครื่องดื่มกับประธานาธิบดีจีน สีจิ้นผิงของจีนในระหว่างเป็นเจ้าภาพต้อนรับผู้นำจีนและภรรยาที่ช่องเขาตูร์มาเลต์ในเทือกเขาพิเรนีสเพื่อหารือเป็นการส่วนตัวเมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม ปี 2567 หลังจากผู้นำจีนเสร็จสิ้นการเยือนกรุงปารีส - ภาพ: เอพี
ทั้งนี้ ฝรั่งเศสเป็นชาติหนึ่งที่มีบทบาทสำคัญในอียู ซึ่งประกอบด้วยสมาชิกทั้งหมด 27 ชาติ นายบอนน์มาจีนครั้งนี้คาดกันว่า เพื่อปูทางสำหรับการเยือนจีนของประธานาธิบดีมาครง ซึ่งอาจเกิดขึ้นในปีหน้า

จีนและฝรั่งเศสได้จัดการหารือเชิงยุทธศาสตร์ครั้งแรกในปี 2544 โดยปกติแล้วการเจรจาระดับสูงระหว่างนักการทูตระดับสูงจะจัดขึ้นอย่างน้อยปีละ 1 ครั้งภายใต้กลไกการเจรจาเชิงยุทธศาสตร์


สำหรับการหารือเชิงยุทธศาสตร์ครั้งล่าสุดนี้ ทั้งจีนและฝรั่งเศสต่างให้คำมั่นขยายความร่วมมือกันในหลากหลายด้าน เช่น ด้านการค้า การลงทุน ปัญญาประดิษฐ์ พลังงานนิวเคลียร์ การบินและอวกาศ ผลิตภัณฑ์อาหารทางการเกษตร โดยนายหวังอี้ยังเรียกร้องให้จีนและฝรั่งเศสทำงานร่วมกันเพื่อสนับสนุนลัทธิพหุภาคีที่มีศูนย์กลางอยู่ที่สหประชาชาติ ต่อต้านการแบ่งแยกโดยเฉพาะอย่างยิ่งละทิ้งความคิดแบบสงครามเย็น และการเล่นเกมที่มุ่งหวังผลแพ้ชนะเพียงฝ่ายอย่างเดียว


ที่มา : เซาท์ไชน่ามอร์นิงโพสต์



กำลังโหลดความคิดเห็น