นักศึกษาปริญญาโทในฮ่องกงจากมณฑลยูนนานของจีนถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในคราบตำรวจหลอกว่า กำลังถูกสอบสวนคดีฟอกเงิน แนะให้รีบหนีมาประเทศไทย จากนั้นโทรศัพท์บอกครอบครัวของเหยื่อว่าลูกสาวถูกลักพาตัว พร้อมกับเรียกเงินค่าไถ่ 10 ล้านหยวน (ราว 46 ล้าน 8 แสนบาท)
จากการแถลงของตำรวจเขตบริหารพิเศษฮ่องกงเมื่อวันพฤหัสฯ (12 ธ.ค.) คดีนี้ถือเป็นครั้งแรกที่แก๊งคอลเซ็นเตอร์ล่อลวงเหยื่อในฮ่องกงให้เดินทางไปต่างประเทศ โดยขบวนการมิจฉาชีพแอบอ้างกับ น.ส.K ซึ่งเป็นนามสมมติของนักศึกษาสาววัย 22 ปีผู้นี้ทางโทรศัพท์เมื่อเดือนพฤศจิกายนว่า เป็นเจ้าหน้าที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองฮ่องกง และตำรวจกระทรวงพิทักษ์สันติราษฎร์จากจีนแผ่นดินใหญ่ ซึ่งกำลังสอบสวน น.ส.K ที่ตกเป็นผู้ต้องสงสัยใช้บัตรโทรศัพท์มือถือ และบัญชีธนาคารของเธอก่ออาชญากรรมฟอกเงิน
แก๊งต้มตุ๋นสวมเครื่องแบบตำรวจและมีตราสัญลักษณ์ของสำนักงานอยู่เบื้องหลัง วิดีโอคอลคุยกับเหยื่ออยู่นานถึง 8 ชั่วโมง ไม่เปิดโอกาสให้เธอมีเวลาคิด พร้อมกับแสดงใบประกาศจับจากจีนแผ่นดินใหญ่ ซึ่งมีชื่อของเธอหรา รวมถึงเอกสารยืนยันอื่นๆ เพื่อให้สมจริง นอกจากนั้น ยังบอกให้เปิดการใช้งานวิดีโอคอลตลอด 24 ชั่วโมง รายงานตำแหน่งที่อยู่ของเธอให้ตำรวจเก๊ทราบทุกวัน และให้เปลี่ยนไปใช้โทรศัพท์และหมายเลขใหม่ในการติดต่อกัน โดยห้ามพูดเรื่องนี้กับใครทั้งสิ้น
K เล่าว่า พวกนั้นห้ามเธอออกนอกประเทศและอายัดบัญชีธนาคาร เธอเชื่อว่าถ้าไม่ปฏิบัติตามจะต้องเจอกับผลที่ตามมาอีกมากมาย ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการศึกษาต่อในฮ่องกง
ในตอนแรก K ถูกหลอกให้ไปถอนเงินสดจากธนาคารจำนวน 5 แสนหยวน (ราว 2 ล้าน 3 แสน 4 หมื่นบาท) ที่ธนาคารในเมืองกว่างโจวบนแผ่นดินใหญ่ เพื่อจ่ายเป็น “เงินประกัน” บัญชีธนาคารจะได้ไม่ถูกระงับ และชะลอการถูกสอบสวนคดี
เมื่อได้เงินแล้ว วายร้ายในคราบโปลิศก็บอกให้ K หนีมาประเทศไทยเพื่อความปลอดภัย
จากนั้นพวกมันก็โทรศัพท์เรียกเงินค่าไถ่ตัว K จากพ่อแม่ แต่อีกฝ่ายไปขอความช่วยเหลือจากตำรวจฮ่องกง ซึ่งได้ประสานงานกับตำรวจสากล (Interpol) ทางการไทย และสถานทูตจีน ค้นหาที่อยู่ของ K ซึ่งเจ้าหน้าที่ไม่สามารถติดต่อได้
3 วันหลังจากพ่อแม่ของเธอแจ้งความ K ถูกพบตัวที่โรงแรมกลางกรุงเทพฯ ตำรวจตัวจริงระบุว่า คนร้ายจะกำหนดให้ K เช็กอินที่โรงแรมไหน เมื่อเข้าพัก 1 หรือ 2 วันก็สั่งให้ย้ายไปที่อื่น
นอกจากสูญ “เงินประกัน” แล้ว K ยังต้องจ่ายค่าตั๋วโดยสารรถไฟความเร็วสูงไปยังเมืองกว่างโจว และค่าเครื่องบินโดยสารไปกรุงเทพฯ รวมถึงค่าที่พักโรงแรม 3 คืนอีกด้วย
ตำรวจฮ่องกงระบุว่า พวกมิจฉาชีพฉวยโอกาสช่วงเปิดภาคเรียน ซึ่งนักศึกษากำลังยุ่งอยู่กับการย้ายเข้าหอพักและไม่มีโอกาสติดต่อกับครอบครัวมากนัก โดยมีนักศึกษามหาวิทยาลัยถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกโดยอ้างเป็นตำรวจ หรือเจ้าหน้าที่รัฐเพิ่มมากขึ้นจากอัตราเฉลี่ยเดือนละ 24 คนในช่วงเดือนกรกฎาคมถึงกันยายน เป็น 91 คนในเดือนตุลาคม และมีการรายงานคดีหลอกลวงโดยใช้กลวิธีแอบอ้างดังกล่าว 874 คดีในช่วง 10 เดือนแรกของปีนี้ รวมมูลค่าความเสียหาย 1,420 ล้านดอลลาร์ฮ่องกง ซึ่งเพิ่มขึ้นกว่า 2 เท่าจากช่วงเดียวกันของปี 2566 โดยในจำนวนคดีเหล่านี้ มี 283 คดีเหยื่อเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัย ซึ่งร้อยละ 72 มาจากจีนแผ่นดินใหญ่ เนื่องจากนักศึกษาที่มาจากจีนแผ่นดินใหญ่อาจยังไม่คุ้นเคยกับฮ่องกงมากนัก จึงอาจกังวลเป็นพิเศษเรื่องการเสียที่นั่งในสถานศึกษา หรือผู้ปกครองอาจไม่ให้เงินค่าเล่าเรียน
ที่มา : เซาท์ไชน่ามอร์นิงโพสต์