xs
xsm
sm
md
lg

DJI วิ่งสู้ฟัดสลัดข้อกล่าวหาเป็นบริษัทกองทัพจีน สื่อตะวันตกโป๊ะแตก!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


โดรน DJI Phantom 3 ในระหว่างการบินสาธิตที่ฟาร์มและโรงกลั่นไวน์ในสหรัฐอเมริกาเมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2558 - ภาพ : เอพี
ท่ามกลางการแข่งขันเข้มข้นทางภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีน ดีเจไอ บริษัทผู้ผลิตโดรนรายใหญ่ที่สุดในโลกสายเลือดมังกรยังคงถูกตรวจสอบอย่างหนัก หลังจากถูกกระทรวงกลาโหมมะกันขึ้นบัญชีดำบริษัทที่ทำงานร่วมกับกองทัพของจีน และต่อมายังมีรายงานว่า โดรนของดีเจไอถูกนำไปใช้ในสมรภูมิยูเครน

ดีเจไอปฏิเสธมาโดยตลอดว่าผลิตภัณฑ์ของตนไม่ได้มีไว้สำหรับการใช้ทางทหาร นอกจากนั้น ยังพยายามต่อสู้เพื่อพิสูจน์ว่าบริษัทมิได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับกองทัพจีนอย่างที่ถูกตราหน้า


ในเดือนตุลาคม ดีเจไอได้ยื่นฟ้องเพนตากอนกรณีขึ้นบัญชีดำโดยระบุว่าการกระทำดังกล่าวไม่ถูกต้อง ทำให้บริษัทได้รับความเสียหายทางการเงินอย่างร้ายแรง


แต่แล้วในวันที่ 22 พฤศจิกายนที่ผ่านมา หนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียลไทมส์ (FT) สื่ออังกฤษ ก็เผยแพร่วิดีโอมีชื่อว่า “สหรัฐฯ ควรประกาศห้ามโดรนจีนหรือไม่” (Should the US ban Chinese drones) ชวนให้ผู้คนฉงนด้วยภาพถ่ายรูปหมู่ของพนักงานดีเจไอที่หน้า "ค่ายฝึกทหาร" โดยวิดีโอระบุว่าเป็นสัญญาณอันตรายสำหรับวอชิงตัน

อย่างไรก็ตาม ในวิดีโอความยาว 23 นาที ซึ่ง FT โพสต์บนยูทูบนั้น มีการอ้างคำพูดของนายอดัม เวลช์ หัวหน้าฝ่ายนโยบายระดับโลกของดีเจไอที่ระบุว่า เป็นการทำกิจกรรมนอกสถานที่ขององค์กร และไม่ใช่ข้อบ่งชี้ถึงความร่วมมือทางทหาร

โฆษกของดีเจไอชี้แจงในแถลงการณ์ในเวลาต่อมาว่า นี่เป็นเพียงกิจกรรมเสริมสร้างทีมงาน เหมือนกับที่บริษัทตะวันตกหลายแห่งส่งผู้บริหารไปฝึกอบรมในแบบทหารนั่นแหละ

ดีเจไอระบุว่า ดีเจไอ "ไม่ใช่บริษัทด้านการทหารของจีน" และกองทัพจีนไม่เคย "เป็นเจ้าของหรือควบคุม” “เป็นที่น่าเสียใจที่วิดีโอดังกล่าวทำให้เกิดความเข้าใจผิดเกี่ยวกับบริษัท รวมถึงการแสดงความคิดเห็นที่ปราศจากมูลความจริงและทำให้ไขว้เขว”


แม้ว่าจีนห้ามการใช้ยูทูปและ FT ในประเทศ แต่รูปถ่ายหมู่พนักงานดีเจไอในวิดีโอเรื่องนั้นก็เผยแพร่ในโซเชียลมีเดียบนแดนมังกร สื่อตะวันตกรายนี้ถูกสื่อของรัฐและชาวเน็ตจีนสวดยับ เพราะ “ค่ายฝึกทหาร” ตามที่ FT ว่านั้นคือสถาบันทหารวัมเปา (Whampoa Military Academy) ในเมืองกว่างโจว ซึ่งเป็นอนุสรณ์สถานและแหล่งท่องเที่ยวในท้องถิ่น


แฟรงก์ หวัง เถา  ผู้ก่อตั้งบริษัทดีเจไอกำลังควบคุมโดรนที่สำนักงานของบริษัทในเซินเจิ้น เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2558 - ภาพ: Xinhua
ในบทบรรณาธิการเมื่อวันพฤหัสบดี (28 พ.ย.) หนังสือพิมพ์โกลบอลไทมส์ระบุว่าผู้ผลิตวิดีโอ "ไม่เพียงแต่ต้องขอโทษดีเจไอต่อสาธารณชนเท่านั้น แต่ยังต้องขอโทษผู้ชมชาวตะวันตกด้วย" นอกจากนี้ ยังโจมตีสื่อและชาติตะวันตกที่ "มีอคติต่อจีนหนักข้อขึ้น" และ "ปล่อยข่าวลือ" เกี่ยวกับบริษัทชื่อดังของจีน เช่น ดีเจไอ

ชานเข่า เซียวซี (Cankao Xiaoxi) สื่อจีนในเครือสำนักข่าวซินหัวระบุในเว่ยปั๋ว (คล้าย X) ว่าสื่อตะวันตกกำลัง "สร้างกระแส" และเรียกเหตุการณ์นี้ว่า "ไร้สาระ"


"คนบางกลุ่มในตะวันตกกระเหี้ยนกระหือรือใส่ร้ายป้ายสีบริษัทชื่อดังของจีนมากเสียจนกระทำการอย่างไม่รอบคอบ" หู สีจิ้น นักวิจารณ์และอดีตบรรณาธิการบริหารของโกลบอลไทมส์เขียนบนเว่ยปั๋ว


ด้านชาวเน็ตจีนบางคนเรียกร้องให้ทั้งสองฝ่ายสื่อสารกันให้ดีกว่านี้เพื่อขจัดความเข้าใจผิด ผู้ใช้เว่ยปั๋วคนหนึ่งเขียนว่า "การมีข้อมูลที่โปร่งใสและการสื่อสารกันอย่างเปิดเผยเป็นวิธีดีที่สุดในการแก้ไขปัญหาเช่นนี้"


บริษัทดีเจไอก่อตั้งขึ้นโดยนายแฟรงก์ หวัง เถา ผู้ประกอบการชาวจีนเมื่อปี 2549 มีสำนักงานอยู่ในเมืองเซินเจิ้น โดยโดรนของดีเจไอมีสัดส่วน 4 ใน 5 ของโดรนที่จำหน่ายในสหรัฐฯ


นอกจากถูกขึ้นบัญชีดำแล้วนั้น เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา สภาผู้แทนราษฎรมะกันได้ผ่านร่างกฎหมายห้ามการใช้งานโดรนดีเจไอรุ่นใหม่ในสหรัฐฯ และห้ามการเข้าถึงโครงสร้างพื้นฐานการสื่อสารภายในประเทศ ร่างกฎหมายดังกล่าวไม่ครอบคลุมโดรนดีเจไอ ที่มีอยู่แล้วในประเทศ โดยขั้นตอนต่อไปคือรอการอนุมัติจากวุฒิสภา


ในการขึ้นบัญชีดำดีเจไอ และบริษัทอื่นๆ เมื่อปี 2565 เพนตากอนระบุว่า กำลังพยายามฉายภาพให้เห็นชัดเจนถึงกลยุทธ์การหลอมรวมระหว่างการทหารกับพลเรือนของจีน และต่อต้านกลยุทธ์นี้ ซึ่งสนับสนุนส่งเสริมเป้าหมายการปรับปรุงกองทัพปลดแอกประชาชนจีนไปสู่ความทันสมัย


ที่มา : เซาท์ไชน่ามอร์นิงโพสต์



กำลังโหลดความคิดเห็น