ท่ามกลางการแข่งขันเข้มข้นทางภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีน ดีเจไอ บริษัทผู้ผลิตโดรนรายใหญ่ที่สุดในโลกสายเลือดมังกรยังคงถูกตรวจสอบอย่างหนัก หลังจากถูกกระทรวงกลาโหมมะกันขึ้นบัญชีดำบริษัทที่ทำงานร่วมกับกองทัพของจีน และต่อมายังมีรายงานว่า โดรนของดีเจไอถูกนำไปใช้ในสมรภูมิยูเครน
ดีเจไอปฏิเสธมาโดยตลอดว่าผลิตภัณฑ์ของตนไม่ได้มีไว้สำหรับการใช้ทางทหาร นอกจากนั้น ยังพยายามต่อสู้เพื่อพิสูจน์ว่าบริษัทมิได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับกองทัพจีนอย่างที่ถูกตราหน้า
ในเดือนตุลาคม ดีเจไอได้ยื่นฟ้องเพนตากอนกรณีขึ้นบัญชีดำโดยระบุว่าการกระทำดังกล่าวไม่ถูกต้อง ทำให้บริษัทได้รับความเสียหายทางการเงินอย่างร้ายแรง
แต่แล้วในวันที่ 22 พฤศจิกายนที่ผ่านมา หนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียลไทมส์ (FT) สื่ออังกฤษ ก็เผยแพร่วิดีโอมีชื่อว่า “สหรัฐฯ ควรประกาศห้ามโดรนจีนหรือไม่” (Should the US ban Chinese drones) ชวนให้ผู้คนฉงนด้วยภาพถ่ายรูปหมู่ของพนักงานดีเจไอที่หน้า "ค่ายฝึกทหาร" โดยวิดีโอระบุว่าเป็นสัญญาณอันตรายสำหรับวอชิงตัน
อย่างไรก็ตาม ในวิดีโอความยาว 23 นาที ซึ่ง FT โพสต์บนยูทูบนั้น มีการอ้างคำพูดของนายอดัม เวลช์ หัวหน้าฝ่ายนโยบายระดับโลกของดีเจไอที่ระบุว่า เป็นการทำกิจกรรมนอกสถานที่ขององค์กร และไม่ใช่ข้อบ่งชี้ถึงความร่วมมือทางทหาร
โฆษกของดีเจไอชี้แจงในแถลงการณ์ในเวลาต่อมาว่า นี่เป็นเพียงกิจกรรมเสริมสร้างทีมงาน เหมือนกับที่บริษัทตะวันตกหลายแห่งส่งผู้บริหารไปฝึกอบรมในแบบทหารนั่นแหละ
ดีเจไอระบุว่า ดีเจไอ "ไม่ใช่บริษัทด้านการทหารของจีน" และกองทัพจีนไม่เคย "เป็นเจ้าของหรือควบคุม” “เป็นที่น่าเสียใจที่วิดีโอดังกล่าวทำให้เกิดความเข้าใจผิดเกี่ยวกับบริษัท รวมถึงการแสดงความคิดเห็นที่ปราศจากมูลความจริงและทำให้ไขว้เขว”
แม้ว่าจีนห้ามการใช้ยูทูปและ FT ในประเทศ แต่รูปถ่ายหมู่พนักงานดีเจไอในวิดีโอเรื่องนั้นก็เผยแพร่ในโซเชียลมีเดียบนแดนมังกร สื่อตะวันตกรายนี้ถูกสื่อของรัฐและชาวเน็ตจีนสวดยับ เพราะ “ค่ายฝึกทหาร” ตามที่ FT ว่านั้นคือสถาบันทหารวัมเปา (Whampoa Military Academy) ในเมืองกว่างโจว ซึ่งเป็นอนุสรณ์สถานและแหล่งท่องเที่ยวในท้องถิ่น
ในบทบรรณาธิการเมื่อวันพฤหัสบดี (28 พ.ย.) หนังสือพิมพ์โกลบอลไทมส์ระบุว่าผู้ผลิตวิดีโอ "ไม่เพียงแต่ต้องขอโทษดีเจไอต่อสาธารณชนเท่านั้น แต่ยังต้องขอโทษผู้ชมชาวตะวันตกด้วย" นอกจากนี้ ยังโจมตีสื่อและชาติตะวันตกที่ "มีอคติต่อจีนหนักข้อขึ้น" และ "ปล่อยข่าวลือ" เกี่ยวกับบริษัทชื่อดังของจีน เช่น ดีเจไอ
ชานเข่า เซียวซี (Cankao Xiaoxi) สื่อจีนในเครือสำนักข่าวซินหัวระบุในเว่ยปั๋ว (คล้าย X) ว่าสื่อตะวันตกกำลัง "สร้างกระแส" และเรียกเหตุการณ์นี้ว่า "ไร้สาระ"
"คนบางกลุ่มในตะวันตกกระเหี้ยนกระหือรือใส่ร้ายป้ายสีบริษัทชื่อดังของจีนมากเสียจนกระทำการอย่างไม่รอบคอบ" หู สีจิ้น นักวิจารณ์และอดีตบรรณาธิการบริหารของโกลบอลไทมส์เขียนบนเว่ยปั๋ว
ด้านชาวเน็ตจีนบางคนเรียกร้องให้ทั้งสองฝ่ายสื่อสารกันให้ดีกว่านี้เพื่อขจัดความเข้าใจผิด ผู้ใช้เว่ยปั๋วคนหนึ่งเขียนว่า "การมีข้อมูลที่โปร่งใสและการสื่อสารกันอย่างเปิดเผยเป็นวิธีดีที่สุดในการแก้ไขปัญหาเช่นนี้"
บริษัทดีเจไอก่อตั้งขึ้นโดยนายแฟรงก์ หวัง เถา ผู้ประกอบการชาวจีนเมื่อปี 2549 มีสำนักงานอยู่ในเมืองเซินเจิ้น โดยโดรนของดีเจไอมีสัดส่วน 4 ใน 5 ของโดรนที่จำหน่ายในสหรัฐฯ
นอกจากถูกขึ้นบัญชีดำแล้วนั้น เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา สภาผู้แทนราษฎรมะกันได้ผ่านร่างกฎหมายห้ามการใช้งานโดรนดีเจไอรุ่นใหม่ในสหรัฐฯ และห้ามการเข้าถึงโครงสร้างพื้นฐานการสื่อสารภายในประเทศ ร่างกฎหมายดังกล่าวไม่ครอบคลุมโดรนดีเจไอ ที่มีอยู่แล้วในประเทศ โดยขั้นตอนต่อไปคือรอการอนุมัติจากวุฒิสภา
ในการขึ้นบัญชีดำดีเจไอ และบริษัทอื่นๆ เมื่อปี 2565 เพนตากอนระบุว่า กำลังพยายามฉายภาพให้เห็นชัดเจนถึงกลยุทธ์การหลอมรวมระหว่างการทหารกับพลเรือนของจีน และต่อต้านกลยุทธ์นี้ ซึ่งสนับสนุนส่งเสริมเป้าหมายการปรับปรุงกองทัพปลดแอกประชาชนจีนไปสู่ความทันสมัย
ที่มา : เซาท์ไชน่ามอร์นิงโพสต์