กรณีของอดีตรองผู้อำนวยการพิพิธภัณฑ์พระราชวัง “หวัง ย่าหมิน” กลายเป็นประเด็นร้อนแรงในสังคมจีน หลังมีการเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับคฤหาสน์สุดหรูของเขาที่สร้างขึ้นในพื้นที่ห่างไกลซึ่งมีชื่อว่า "ไฉเหมินเหรินเจีย" (柴门人家) คฤหาสน์แห่งนี้มีขนาดใหญ่กว่า 1,000 ตารางเมตร และได้รับการตกแต่งอย่างหรูหราราวกับโรงแรมระดับห้าดาว โดยมีรายงานว่าการก่อสร้างและครอบครองทรัพย์สินดังกล่าวอาจเกี่ยวข้องกับการใช้อำนาจในทางที่มิชอบและการรับผลประโยชน์ที่ไม่โปร่งใส
“ไฉเหมินเหรินเจีย” ตั้งอยู่ในพื้นที่ห่างไกลบนที่ดินที่เคยประสบเหตุไฟไหม้ ซึ่งทำให้สิ่งปลูกสร้างดั้งเดิมได้รับความเสียหายทั้งหมด หลังเหตุการณ์ดังกล่าว หวัง ย่าหมิน ได้เข้าซื้อที่ดินนี้ในราคาที่น่าสงสัย และดำเนินการสร้างคฤหาสน์ส่วนตัวที่ระดับความหรูหราทำให้คนทั่วไปตะลึงพูดไม่ออก!
แหล่งข่าวระบุว่า ที่ดินผืนนี้เคยเป็นของ “เฉิน เต๋อซิง” นักธุรกิจถ่านหินผู้มั่งคั่งซึ่งมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับหวัง ย่าหมิน นอกจากจะเป็นมิตรสหายกันแล้ว ทั้งสองยังมีความเชื่อมโยงทางธุรกิจที่ลึกซึ้ง เฉิน เต๋อซิง อาจมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนด้านการเงินและทรัพยากรให้โครงการสร้างคฤหาสน์ของหวัง ย่าหมิน ความเชื่อมโยงนี้ทำให้เกิดคำถามว่ากระบวนการซื้อขายที่ดินและการก่อสร้างคฤหาสน์อาจมีเบื้องหลังที่ไม่โปร่งใส
ในฐานะรองผู้อำนวยการพิพิธภัณฑ์พระราชวัง หวัง ย่าหมิน เป็นผู้ดูแลโบราณวัตถุที่มีมูลค่าทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมสูงถึง 1.8 ล้านชิ้น โดยในจำนวนนี้กว่า 1 แสนชิ้นจัดอยู่ในกลุ่มโบราณวัตถุชั้นหนึ่งที่สำคัญระดับชาติ อย่างไรก็ตาม แทนที่จะมุ่งมั่นในหน้าที่การอนุรักษ์ทรัพย์สมบัติของชาติ เขากลับใช้ชีวิตส่วนตัวที่เต็มไปด้วยความฟุ่มเฟือย
คฤหาสน์ของหวัง ย่าหมิน มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ไม่ว่าจะเป็นห้องรับแขกที่ตกแต่งด้วยพรมราคาแพงและผลงานศิลปะล้ำค่า ห้องจัดเลี้ยงสุดหรู และสวนส่วนตัวที่เต็มไปด้วยต้นไม้และพืชพรรณหายาก บรรยากาศทั้งหมดทำให้คฤหาสน์นี้ดูเหมือนสรวงสวรรค์ส่วนตัว
หนึ่งในประเด็นที่ทำให้กรณีนี้ถูกจับตามองอย่างใกล้ชิดคือการมีส่วนเกี่ยวข้องของ “จาง จินหัว” ผู้ช่วยของหวัง ย่าหมิน ซึ่งถือว่าเป็นตัวละครสำคัญในเรื่องนี้ จาง จินหัว มีบทบาทสำคัญในการจัดซื้อจัดจ้างสินค้าสำหรับพิพิธภัณฑ์ โดยเขาได้ก่อตั้งบริษัท “กู่จินเล่อเต้า” (古今乐道公司) ซึ่งต่อมาได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้จัดจำหน่ายสินค้าหลักให้พิพิธภัณฑ์พระราชวัง
มีรายงานว่าจาง จินหัว ซื้อโบราณวัตถุในราคาต่ำจากการประมูล แล้วขายคืนให้พิพิธภัณฑ์ในราคาสูงขึ้นหลายเท่า ทำให้เขาและหวัง ย่าหมินได้รับผลประโยชน์มหาศาลจากช่องว่างทางธุรกิจนี้
กรณีดังกล่าวทำให้เกิดข้อเรียกร้องให้มีการปฏิรูประบบการตรวจสอบและควบคุมพฤติกรรมของผู้บริหารในวงการอนุรักษ์โบราณวัตถุ ข้อเสนอรวมถึงการกำหนดให้เจ้าหน้าที่ระดับสูงต้องเปิดเผยข้อมูลทรัพย์สินและแหล่งที่มาของรายได้อย่างโปร่งใส การตรวจสอบกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง และการเพิ่มบทลงโทษสำหรับพฤติกรรมที่ขัดต่อกฎหมาย
ในระยะยาว จำเป็นต้องพัฒนากฎหมายและระเบียบข้อบังคับเพื่อป้องกันการทุจริต พร้อมทั้งส่งเสริมการศึกษาด้านจริยธรรมและจิตสำนึกในการอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรม
ที่มา กลุ่มสื่อจีน/ภาพสื่อจีน/เอเอฟพี