ผลสำรวจความคิดเห็นของนักเศรษฐศาสตร์เกี่ยวกับเศรษฐกิจจีนโดยสำนักข่าวรอยเตอร์ระบุว่า สหรัฐอเมริกาอาจเรียกเก็บภาษีนำเข้าจากจีนเกือบ 40% ในช่วงต้นปี 2568 ซึ่งอาจเฉือนการเติบโตของเศรษฐกิจแดนมังกรที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลกลดลงได้ถึง 1%
ผลสำรวจดังกล่าวเป็นสำรวจเศรษฐกิจจีนครั้งแรกของรอยเตอร์ นับตั้งแต่โดนัลด์ ทรัมป์ กวาดชัยชนะถล่มทลายในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน โดยมีการสำรวจความคิดเห็นนักเศรษฐศาสตร์กว่า 50 คน ระหว่างวันที่ 13-20 พฤศจิกายน
นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่ในจำนวนเหล่านี้ ซึ่งมีทั้งในและนอกจีนแผ่นดินใหญ่คาดการณ์ว่า ทรัมป์ไม่น่าจะเริ่มต้นการบริหารประเทศด้วยการเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนอย่างครอบคลุมทีเดียว 60% ดังที่เคยให้สัญญาไว้ระหว่างการหาเสียงอันเป็นไปตามนโยบายด้านการค้าที่ “อเมริกาต้องมาก่อน” ของทรัมป์ เนื่องจากเกรงจะไปกระตุ้นภาวะเงินเฟ้อภายในประเทศ
แต่ทรัมป์น่าจะจัดเก็บภาษีในระหว่าง 15-60% แทน ซึ่งมีค่าประมาณเฉลี่ยอยู่ที่ 38%
นายเรย์มอนด์ หยาง หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของธนาคาร ANZ คาดว่า รัฐบาลใหม่ของสหรัฐฯ จะกลับไปที่แผนเดิมคือแผนทรัมป์ 1.0 เขาประเมินว่าอัตราภาษีเฉลี่ยสำหรับการนำเข้าสินค้าจีนอาจเพิ่มขึ้น 32-37%
สำหรับแนวโน้มผลกระทบต่อเศรษฐกิจจีน ซึ่งรัฐบาลจีนกำลังพยายามกระตุ้นการเติบโตอยู่ในขณะนี้ ผลสำรวจคาดว่า การเก็บภาษีนำเข้าในอัตราใหม่ของสหรัฐฯ จะลดอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจแดนมังกรในปี 2568 ลงราว 0.5-1.0%
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่ในการสำรวจครั้งนี้ยังคงคาดการณ์เศรษฐกิจจีนเติบโตโดยเฉลี่ยในปีนี้ที่ 4.8% และในปีหน้าที่ 4.5% ตามลำดับ ซึ่งสอดคล้องกับการคาดการณ์ที่ทำก่อนการเลือกตั้งสหรัฐฯ และสำหรับปี 2569 คาดว่าการเติบโตจะชะลอลงอีกเป็น 4.2% โดยนักเศรษฐศาสตร์เหล่านี้กำลังรอรัฐบาลทรัมป์ประกาศนโยบายการค้ากับจีน ซึ่งอาจส่งผลให้มีการปรับลดการคาดการณ์ลงอีก
ผู้กำหนดนโยบายของจีน ซึ่งได้เพิ่มมาตรการเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้เติบโตมาตั้งแต่ปลายเดือนกันยายนจะเผชิญแรงกดดันเพิ่มขึ้นในปีหน้าในการกระตุ้นการใช้จ่ายของประชาชนในประเทศ เพื่อมาชดเชยกับการส่งออกที่คาดว่าจะลดลง นักวิเคราะห์กล่าว
กระนั้น ม๋อ จื่อ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของธนาคาร DBS มองว่า การส่งออกจะเป็นเสาหลักสำคัญหนึ่งในการเติบโตของเศรษฐกิจจีน ถึงแม้สหรัฐฯ รีดภาษีและอาจทำให้จีดีพีโตลดลง 1% ก็ตาม เนื่องจากอุปสงค์ทั่วโลกยังคงแข็งแกร่ง
เจ้าหน้าที่ของจีนคาดหวังว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมเมื่อปลายเดือนกันยายนจะช่วยให้เศรษฐกิจเติบโตประมาณ 5% ในปีนี้ แต่นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่ในการสำรวจครั้งนี้กล่าวว่ามาตรการกระตุ้นทางการเงินและการคลังล่าสุดที่รัฐบาลจีนประกาศใช้ มีผลกระทบเพียงเล็กน้อยต่อเศรษฐกิจและจำเป็นต้องมีการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม โดยมองว่า จีนมีแนวโน้มจะเปิดเผยมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหม่ในไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้าเพื่อช่วยบรรเทาเศรษฐกิจจากความตึงเครียดทางการค้ากับสหรัฐฯ