บรรษัทอากาศยานพาณิชย์แห่งประเทศจีน หรือโคแมก (COMAC) ได้เปลี่ยนชื่อ ARJ21 เครื่องบินโดยสารระดับภูมิภาคที่ผลิตเป็น C909 หวังส่งเสริมยอดขายในตลาดต่างประเทศที่มีผู้เล่นรายใหญ่อย่างแอร์บัส โบอิ้ง และเอ็มบราเออร์
สำหรับการบินเชิงพาณิชย์ในระดับภูมิภาค C909 น่าจะเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ นอกเหนือจาก E190 และ E195 เครื่องบินไอพ่นลำตัวแคบตระกูล E2 ของบริษัทเอ็มบราเออร์ (Embraer) สัญชาติบราซิล ซึ่งน่าจะเป็นคู่แข่งขันที่ใกล้เคียงสุดกับC909 เมื่อพิจารณาจากข้อที่ว่าบริษัทผู้ผลิตเครื่องบินโบอิ้งของสหรัฐอเมริกาไม่มีเครื่องบินเจ็ตระดับภูมิภาค ส่วนเครื่องบินตระกูล A220 ของบริษัทแอร์บัสแห่งยุโรปก็มีตลาดเฉพาะกลุ่ม
E190 และ E195 มีประสิทธิภาพเหนือกว่าในด้านความจุและกำลังเครื่องยนต์ก็จริง แต่ข้อได้เปรียบที่สำคัญของ C909 ก็คือมีราคาถูกกว่า
หากเปรียบเทียบความจุและรูปแบบการจัดวางที่นั่งผู้โดยสาร C909 มีที่นั่ง 5 ที่นั่งแบบเรียงหน้ากระดาน และสามารถบรรทุกผู้โดยสารได้ 78 คนใน 2 ชั้นโดยสาร (หรือมากถึง 97 คนในกรณีการจัดที่นั่งแบบหนาแน่น) เครื่องบินมีความยาวประมาณ 110 ฟุต ตามข้อมูลของโคแมก
ยกตัวอย่าง เช่น สายการบินไชน่าเซาเทิร์น ติดตั้งที่นั่งชั้นประหยัด 90 ที่นั่งบน C909 สายการบินทรานส์นูซาของอินโดนีเซีย ซึ่งซื้อC909ไว้ใช้งาน ติดตั้งที่นั่งชั้นประหยัด 95 ที่นั่ง
ขณะที่E190 และ E195 มีลำใหญ่กว่าของจีน โดยE190 มีความยาวราว119 ฟุต รองรับผู้โดยสารได้ 97 คนใน 3 ชั้นโดยสาร และสูงสุด 114 คนในห้องโดยสารชั้นประหยัดที่มีความหนาแน่นสูง E195 มีความยาวราว 136 ฟุต รองรับผู้โดยสารได้ 120 คนใน 3 ชั้นโดยสาร และสูงสุด 146 คน
อย่างไรก็ตาม ที่นั่งของเครื่องบินตระกูล E2 นั้นมีรูปแบบ 2×2 ซึ่งแคบกว่าจึงอาจทำให้ผู้โดยสารรู้สึกอึดอัดมากกว่าการจัดที่นั่งแบบ 5 แถวของโคแมก
แต่ข้อเสียที่ใหญ่ที่สุดประการหนึ่งของโคแมกก็คือเครื่องยนต์
เครื่องบินระดับภูมิภาคจะเน้นเที่ยวบินระยะสั้นและระยะกลาง แต่การบินได้ในระยะทางที่ไกลกว่านี้จะทำให้สายการบินมีความยืดหยุ่นด้านเส้นทางมากขึ้น
C909 ติดตั้งเครื่องยนต์เทอร์โบแฟน CF34-10A ของบริษัทเจเนอรัลอิเล็กทริก 2 ตัวไว้ที่ท้ายเครื่องบิน สามารถขับเคลื่อนไปได้ไกล 1,382 - 2,300 ไมล์ ขึ้นอยู่กับน้ำหนักบรรทุก แต่เครื่องยนต์ที่มีอายุหลายสิบปีจะมีประสิทธิภาพน้อยกว่าเครื่องยนต์รุ่นใหม่
ส่วนE190 และ E195 ใช้เครื่องยนต์ PW1900G ของบริษัทแพรตต์แอนด์วิตนีย์ ซึ่งมีสมรรถนะดีกว่า และสามารถบินได้ไกลถึง 3,280 ไมล์และ 3,450 ไมล์ตามลำดับ
C909 ใช้ในเส้นทางภายในประเทศจีนเป็นหลักภายในระยะทางไม่เกิน 1,000 ไมล์ ขณะที่สายการบินทรานส์นูซาบินในเส้นทางไกลกว่า 1,700 ไมล์ระหว่างเมืองกวางโจวและเมืองมานาโดของอินโดนีเซีย ตามข้อมูลบริษัทวิเคราะห์การบินซิเรียม (Cirium)
สายการบินต่างๆ ใช้เครื่องบินตระกูล E2 เพื่อเดินทางไปยังจุดหมายปลายทางที่ไกลออกไป เช่น รอยัลจอร์แดเนียนใช้ E190 และ E195 บินระหว่างกรุงอัมมานกับยุโรปตะวันตก ระยะทางราว 2,000 ไมล์ ส่วนสายการบินพอร์เตอร์ของแคนาดาบินด้วยE195 นาน ุ6 ชั่วโมงระหว่างโตรอนโตกับลอสแองเจลิส
ทั้งนี้ C909 ขึ้นบินเที่ยวปฐมฤกษ์เมื่อปี 2559 โดยหลังจากนั้น รัฐวิสาหกิจผู้ผลิตเครื่องบินของจีนรายนี้ก็ได้ส่งมอบเครื่องบินรุ่นนี้ไปแล้วประมาณ 150 ลำ ส่วนใหญ่ส่งมอบให้กับสายการบินของจีน และอีก 60 ลำอยู่ในคำสั่งซื้อ อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ปี 2564 เป็นต้นมาคำสั่งซื้อ C909 ถือว่าเข้ามาน้อยมาก ด้านสหรัฐอเมริกาและยุโรปยังไม่ให้การรับรองเครื่องบินที่ผลิตในประเทศจีน ซึ่งคงอีกนานทีเดียว
สำหรับ E190 และ E195 เป็นเครื่องบินรุ่นต่อจากE-Jet ซึ่งเป็นตระกูลคลาสสิก บินรับส่งผู้โดยสารเป็นครั้งแรกในปี 2561 และ 2562 โดย E195 ซึ่งลำใหญ่กว่า E190 นั้น เป็นรุ่นที่ได้รับความนิยมมากที่สุด อย่างไรก็ตาม เอ็มบราเออร์ยังไม่มีการขายเครื่องบินตระกูล E2 ให้กับสายการบินของสหรัฐฯ เนื่องจากยังติดเรื่องสัญญากับสหภาพนักบิน และยังไม่มีการขายให้จีน แม้จีนให้การรับรองแล้วก็ตาม
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่าไห่หนานแอร์ไลน์ ซึ่งเป็นผู้ซื้อเครื่องบิน C909 รายหนึ่งในงานจูไห่แอร์โชว์เปิดเผยราคาขายลำละ 38 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แต่เป็นการสั่งซื้อจำนวนมากจึงได้รับส่วนลด ซึ่งเป็นแนวทางปฏิบัติทั่วไปในการขายเครื่องบินโดยสาร
ขณะที่ราคาขาย E190 ในปี 2561 ที่รายงานไว้อยู่ที่ประมาณ 61 ล้านดอลลาร์ นอกจากนั้นเอ็มบราเออร์รายงานในปี 2566ว่าคำสั่งซื้อE195 จำนวน 10 ลำของพอร์เตอร์แอร์ไลน์มีมูลค่าประมาณ 840 ล้านดอลลาร์ โดยเครื่องบินมีราคาอยู่ที่ประมาณลำละ 84 ล้านดอลลาร์ ซึ่งยังไม่หักส่วนลด
ที่มา : บิสซิเนสอินไซเดอร์