ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัวอย่างต่อเนื่อง รัฐบาลท้องถิ่นทั่วประเทศกำลังเผชิญกับความตึงตัวทางการเงิน ซึ่งทำให้เกิดความจำเป็นในการใช้มาตรการประหยัดงบประมาณ และดำเนินการปฏิรูปโครงสร้างภาครัฐเพื่อลดค่าใช้จ่าย การเปลี่ยนแปลงนี้เป็นการขยายผลจากการลดงบประมาณและปรับการใช้ทรัพยากรอย่างเข้มงวด โดยหนึ่งในนโยบายสำคัญคือการลดจำนวนพนักงานชั่วคราวหรือ "พนักงานนอกโครงสร้าง" ซึ่งไม่ได้เป็นพนักงานประจำ และมีการจัดการสินทรัพย์ที่ไม่ได้ใช้ให้เกิดประโยชน์ทางเศรษฐกิจมากที่สุด
ด้วยข้อจำกัดทางการเงินและภาระหนี้สินที่เพิ่มขึ้น หลายพื้นที่ได้ประกาศโครงการ "ขายสินทรัพย์ทุกอย่างที่ทำได้" เพื่อนำรายได้ใหม่เข้าคลังผ่านการขายหรือการเช่าทรัพย์สินที่ไม่ได้ใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด เช่น ที่ดิน อาคารสำนักงานของรัฐ และการขายหุ้นในกิจการที่รัฐเป็นเจ้าของ ตัวอย่างเช่น เมืองฉงชิ่ง ได้ริเริ่มโครงการ “ปรับใช้ทรัพยากรทรัพย์สินให้เกิดประโยชน์สูงสุด” โดยมีการจัดการสินทรัพย์ของรัฐที่มีอยู่เพื่อสร้างรายได้ รวมถึงการประเมินมูลค่าและการขายทรัพย์สินที่ไม่จำเป็น
เมืองซูเซียน ในมณฑลหูหนาน วางแผนใช้ทรัพย์สินในรูปแบบต่าง ๆ เช่น การขาย เช่า หรือโอนให้หน่วยงานอื่น ๆ เพื่อให้เกิดรายได้ โดยตั้งเป้ารายได้จากการขายสินทรัพย์และทรัพยากรอื่น ๆ ที่ไม่ได้ใช้งานสูงถึง 50 ล้านหยวน และเพื่อระดมเงินทุนที่จำเป็นในการบรรเทาปัญหาหนี้สินและงบประมาณของเขต
ไม่เพียงแต่การใช้ทรัพย์สินของรัฐเท่านั้น หลายพื้นที่ยังได้ริเริ่มเพิ่มรายได้จากการใช้มาตรการภาษีอื่น ๆ และค่าธรรมเนียมที่ไม่ใช่ภาษีโดยตรง ตัวอย่างเช่นในมณฑลฉงชิ่ง มีรายงานว่ารายได้จากภาษีที่ไม่ใช่ภาษีทางตรง เช่น ค่าปรับ ค่าธรรมเนียมทางธุรกิจ และการบังคับใช้กฎหมายด้านการจัดเก็บภาษี เพิ่มขึ้นกว่า 31% ซึ่งถือเป็นอัตราเพิ่มที่สูงที่สุดในบรรดามณฑลทั่วประเทศ ขณะเดียวกัน มณฑลจี๋หลิน ชิงไห่ และเขตปกครองตนเองซินเจียง ก็รายงานว่ารายได้จากภาษีที่ไม่ใช่ภาษีทางตรงเพิ่มขึ้นกว่า 25% เพื่อตอบสนองต่อภาระการเงินที่เพิ่มขึ้น
มาตรการลดจำนวนพนักงานนอกโครงสร้างเป็นอีกหนึ่งแนวทางสำคัญในการประหยัดงบประมาณ โดยมาตรการนี้เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่เดือนมีนาคม 2023 ที่เมืองฮาร์บิน มณฑลเฮย์หลงเจียง โดยมีการออกแผนการปลดพนักงานชั่วคราว ซึ่งส่วนใหญ่ทำหน้าที่ในตำแหน่งสนับสนุนทั่วไป เช่น พนักงานบริการสาธารณะ เจ้าหน้าที่ด้านเทคนิค และพนักงานในงานด้านการสนับสนุนที่ไม่ใช่ภารกิจหลักของหน่วยงาน
การดำเนินการนี้ได้ขยายไปยังหลายมณฑล เช่น มณฑลส่านซี ได้ออกประกาศไม่อนุญาตให้จ้างพนักงานชั่วคราวเพิ่ม เพื่อรักษางบประมาณให้มีประสิทธิภาพและลดภาระทางการคลัง เขตหยูฮวาในเมืองฉางซา มณฑลหูหนาน ได้ดำเนินการปลดพนักงานชั่วคราวกว่า 5% เพื่อให้เป็นไปตามนโยบายการลดจำนวนพนักงานที่ไม่ได้อยู่ในโครงสร้างหลัก ขณะที่เมืองซูซิ่น ได้ประกาศห้ามการจ้างพนักงานนอกโครงสร้างเพิ่มอีก
ทั้งนี้ แนวทางการลดพนักงานชั่วคราวของจีนในครั้งนี้ ยังได้ระบุรายละเอียดในการลดจำนวนพนักงานตามสัดส่วนการใช้งานจริง โดยกำหนดให้หน่วยงานท้องถิ่นที่มีอัตราส่วนตำแหน่งงานที่ยังไม่ครบตามโครงสร้าง ต้องลดจำนวนพนักงานชั่วคราวในสัดส่วนต่าง ๆ เช่น หากหน่วยงานมีตำแหน่งงานที่ยังไม่เต็ม 5-15% ต้องลดพนักงานชั่วคราวลง 5% หากตำแหน่งงานยังไม่ครบ 15-25% ต้องลดลง 10% และหากเกินกว่า 25% ต้องลดลงถึง 15%
นอกจากนี้ หลายพื้นที่ได้ออกคำสั่งอย่างชัดเจนว่า หน่วยงานราชการและองค์กรที่มีรายได้จากการดำเนินงานเชิงพาณิชย์ เช่น องค์กรสาธารณะทางธุรกิจบางแห่ง จะไม่ได้รับการอนุญาตให้จ้างพนักงานนอกโครงสร้างเพิ่มเติมอีก
นอกจากการปลดพนักงานแล้ว การปรับลดขนาดหน่วยงานและการควบรวมหน่วยงานราชการในพื้นที่ชนบทที่ประชากรลดลงก็เป็นอีกหนึ่งมาตรการที่จีนใช้เพื่อลดภาระงบประมาณและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ตัวอย่างเช่น มณฑลชิงไห่ ได้ปรับลดจำนวนหน่วยงานในท้องถิ่นลงถึง 20% และมีการรวมงานในหน่วยงานที่มีลักษณะการทำงานใกล้เคียงกัน เพื่อลดความซ้ำซ้อนและใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
นโยบายนี้ยังรวมถึงการยุบรวมเขตปกครองที่มีประชากรน้อยเข้าด้วยกัน เช่น เมืองเล็ก ๆ ในมณฑลหูหนานและชิงไห่ ที่มีประชากรเพียง 10,000 คน ถูกลดจำนวนหน่วยงานที่มีอยู่ลงเพื่อลดภาระทางการเงิน
ปฏิรูปโครงสร้างเพื่อการบริหารอย่างยั่งยืน พร้อมส่งเสริมบทบาทภาคเอกชนในการให้บริการ
ภายใต้วิสัยทัศน์การปฏิรูปโครงสร้างเพื่อการบริหารที่ยั่งยืน จีนได้เริ่มใช้มาตรการเพิ่มบทบาทของภาคเอกชนในการให้บริการภาครัฐมากขึ้น เพื่อให้สามารถลดค่าใช้จ่ายในระยะยาว การดำเนินการนี้รวมถึงการใช้บริการในส่วนที่ไม่เกี่ยวข้องกับงานหลัก เช่น บริการซ่อมแซม บริการรักษาความสะอาด งานขนส่ง และงานบำรุงรักษาในหน่วยงานราชการต่าง ๆ ซึ่งจะถูกเปลี่ยนให้เป็นงานของภาคเอกชนแทนการจ้างงานในองค์กรของรัฐ
รัฐบาลจีนยังได้ออกข้อเสนอการปฏิรูปโครงสร้างภาครัฐอย่างครอบคลุมเพื่อลดภาระงบประมาณ เช่น การยุบรวมหน่วยงาน การลดบทบาทของบางหน่วยงานที่ไม่ได้มีความสำคัญในภารกิจหลัก และการเปิดโอกาสให้ภาคเอกชนเข้ามาร่วมมือในการให้บริการภาครัฐมากขึ้น
การเปลี่ยนแปลงนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของจีนที่จะปรับปรุงโครงสร้างและการจัดการภาครัฐให้สามารถบริหารจัดการงบประมาณได้อย่างมีประสิทธิภาพ ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลง
ที่มา กลุ่มสื่อจีน/ ภาพเอเอฟพี