ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน ได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมกองพลขีปนาวุธยุทธศาสตร์แห่งกองทัพปลดแอกประชาชนจีน (PLA Rocket Force) เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา โดยกองพลนี้เป็นหน่วยขีปนาวุธยุทธศาสตร์ที่มีประวัติความเป็นมายาวนานกว่า 50 ปี ในโอกาสนี้ สีได้เรียกร้องให้กองกำลังดังกล่าวเสริมสร้างความสามารถในการป้องปรามและการรบ เพื่อปฏิบัติภารกิจสำคัญที่พรรคและประชาชนไว้วางใจอย่างเคร่งครัด
การตรวจเยี่ยมครั้งนี้ของสี จิ้นผิง ในฐานะเลขาธิการใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีน (CPC) และประธานคณะกรรมาธิการการทหารส่วนกลาง (CMC) เกิดขึ้นท่ามกลางสถานการณ์ความตึงเครียดทางการเมืองระหว่างประเทศที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชีย ซึ่งการเดินทางตรวจเยี่ยมกองพลขีปนาวุธยุทธศาสตร์ของจีนในครั้งนี้มีนัยสำคัญทางการทหารที่ไม่อาจมองข้ามได้ การเสริมสร้างศักยภาพกองกำลังในระดับยุทธศาสตร์ ย่อมสะท้อนให้เห็นถึงความพยายามของจีนในการรักษาเสถียรภาพและความมั่นคงในภูมิภาค รวมถึงการเตรียมความพร้อมเพื่อรับมือกับสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้น
ในช่วงเช้าของวันพฤหัสบดี สี จิ้นผิง ได้ไปยังสนามฝึกของกองพลเพื่อศึกษาประสิทธิภาพทางยุทธวิธีและเทคนิคของอาวุธและอุปกรณ์ที่เพิ่งนำมาใช้งานใหม่ พร้อมทั้งตรวจสอบการฝึกปฏิบัติการของกำลังพล สีได้กล่าวกระตุ้นนายทหารและทหารให้ใช้ประโยชน์สูงสุดจากอาวุธที่มีในมือ และแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการบรรลุเป้าหมายที่พรรคและประชาชนมอบหมาย
นับตั้งแต่การประชุมสมัชชาพรรคคอมมิวนิสต์จีนครั้งที่ 18 ในปี 2012 กองพลขีปนาวุธยุทธศาสตร์ดังกล่าวได้เสริมสร้างการฝึกภายใต้สภาวะการรบจริง และประสบความสำเร็จในภารกิจสำคัญหลายประการ ซึ่งในครั้งนี้ สี จิ้นผิง ยังได้เน้นย้ำถึงความจำเป็นในการเสริมสร้างการฝึกที่มุ่งเน้นเป้าหมายใหม่ๆ ด้วยอุปกรณ์ ทักษะ และวิธีการรบที่ทันสมัย เพื่อให้กองกำลังมีความพร้อมสูงสุดในทุกสถานการณ์
ในการบรรยายสรุปเกี่ยวกับการทำงานของกองพล สี จิ้นผิง ยังได้กล่าวเน้นย้ำถึงความสำคัญของการรักษาความเป็นผู้นำของพรรคเหนือกองทัพ และการเสริมสร้างการสร้างพรรคในระดับฐาน พร้อมทั้งสั่งการให้มีการฝึกทหารอย่างเข้มงวดและเพิ่มความพร้อมในการรบในทุกมิติ โดยเฉพาะการเสริมสร้างความสามารถในการปกป้องความมั่นคงเชิงยุทธศาสตร์และผลประโยชน์หลักของชาติ
ในบริบทความตึงเครียดในภูมิภาค การเดินทางครั้งนี้ของสี จิ้นผิง ถือเป็นการส่งสัญญาณเชิงสัญลักษณ์ถึงความมุ่งมั่นของจีนในการรักษาความมั่นคงและความปลอดภัยของประเทศ โดยเฉพาะการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพกองทัพให้พร้อมรับมือกับความท้าทายที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
ที่มา กลุ่มสื่อจีน