xs
xsm
sm
md
lg

ผู้นำใหม่เวียดนามเยือนจีน ตั้งเป้าขยายตลาดทุเรียนแซงหน้าไทย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



CGTN : “โต เลิม” ประธานาธิบดีและเลขาธิการใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม เดินทางเยือนจีนเป็นประเทศแรกหลังรับตำแหน่ง หวังเพิ่มมูลค่าการค้าระหว่างกันจากปีที่แล้วที่ทำสถิติสูงกว่า 200,000 ล้านดอลลาร์

นายโต เลิม เยือนประเทศจีนเป็นเวลา 3 วัน ตั้งแต่วันที่ 18 ส.ค.ที่ผ่านมา โดยเป็นการเดินทางเยือนต่างประเทศครั้งแรกนับตั้งแต่เขาขึ้นเป็นผู้นำสูงสุดคนใหม่ของเวียดนาม กระทรวงการต่างประเทศจีนระบุว่า “นี่แสดงให้เห็นถึงความสำคัญอย่างยิ่งของทั้ง 2 ประเทศ และระหว่างพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามและจีน”

การเดินทางเยือนจีนของผู้นำเวียดนามแสดงถึงความสำคัญทางยุทธศาสตร์ของทั้ง 2 ประเทศ ที่มีเศรษฐกิจเติบโตในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งทำให้ประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น

จีนเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของเวียดนาม และเป็นตลาดส่งออกที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 2 โดยเฉพาะสินค้าเกษตรและผลไม้อย่างทุเรียน ซึ่งจีนเพิ่งอนุญาตให้เวียดนามส่งออกทุเรียนสดไปยังจีนได้เมื่อปีที่แล้ว ซึ่ง ทุเรียนเวียดนามกำลังมาแรงแซงหน้าทุเรียนไทย ที่เดิมยึดตลาดทุเรียนในจีนมากกว่าร้อยละ 80

ในปีที่แล้ว การค้าระหว่าง 2 ประเทศมีมูลค่าสูงกว่า 200,000 ล้านดอลลาร์ และในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ ปริมาณการค้าได้เข้าใกล้ 100,000 ล้านดอลลาร์ ส่งให้เวียดนามเป็นคู่ค้ากับจีนรายใหญ่ที่สุดในกลุ่มประเทศอาเซียน


ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เยือนเวียดนามเมื่อปีที่แล้ว และทำให้นักลงทุนจีนเข้าไปในเวียดนามมากขึ้น ตามเป้าหมายส่งเสริมความร่วมมือในระยะยาว เวียดนามยังได้ประโยชน์จากความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค หรือ RCEP ข้อตกลงการค้าเสรีจีน-อาเซียน รวมทั้งงานแสดงสินค้านำเข้าและส่งออก เมืองกว่างโจว หรือ Canton Fair ซึ่งเป็นงานแสดงสินค้าที่เก่าแก่ที่สุดของจีน

เวียดนามและจีนยังได้มีข้อตกลงอย่างเป็นทางการในด้านเศรษฐกิจดิจิทัล และความร่วมมือด้านสิ่งแวดล้อม รวมถึงแนวคิดริเริ่มแถบและเส้นทาง หรือ BRI ซึ่งสร้างประโยชน์ต่อภาคอุตสาหกรรมที่หลากหลายมากขึ้น ตัวอย่างที่ชัดเจนคือ จีนได้ช่วยเหลือเวียดนามพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน และปรับปรุงระบบส่งไฟฟ้า แก้ปัญหาเสถียรภาพของไฟฟ้าที่เคยเป็นอุปสรรคสำคัญในการลงทุนของต่างชาติในเวียดนาม

บริษัทของจีนได้เข้าไปสร้างโรงงานในนิคมอุตสาหกรรมและเขตเศรษฐกิจพิเศษของเวียดนามมากขึ้น โดยเฉพาะอุตสาหกรรมเสื้อผ้าและสิ่งทอ หลังจากทั้ง 2 ชาติได้ยกระดับเป็น “หุ้นส่วนความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์อย่างรอบด้าน” (Comprehensive Strategic Partnership) เมื่อปีที่แล้ว

ในด้านการลงทุน บริษัทเกาหลีใต้และญี่ปุ่นจำนวนมากย้ายฐานการผลิตจากไทยไปเวียดนาม ส่วนจีนเป็นแหล่งลงทุนทางตรงระหว่างประเทศ (FDI) อันดับที่ 6 ของเวียดนาม แต่จีนค่อนข้างคุ้นเคยกับเงื่อนไขต่างๆ ในตลาดเวียดนาม เพราะว่ามีพรมแดนติดกัน รูปแบบการปกครองและเศรษฐกิจแบบสังคมนิยมเหมือนกัน และวัฒนธรรมที่คล้ายกัน

จีน-เวียดนามได้มีความริเริ่มร่วมกันที่ชื่อว่า "Two Corridors and One Economic Circle" (สองระเบียงและหนึ่งเขตเศรษฐกิจ) ซึ่งเอื้อให้การค้าข้ามพรมแดนระหว่างกันสะดวกมากขึ้น นี่เป็นสาเหตุหนึ่งที่สินค้าจากเวียดนาม อย่างทุเรียน เข้าสู่จีนได้อย่างสะดวกและรวดเร็วมากกว่าทุเรียนไทย

เวียดนามถูกมองว่าเป็น “ดาวรุ่งของอาเซียน” เพราะสามารถดึงดูดการลงทุนได้จากทั้งเกาหลี ญี่ปุ่น และสหรัฐฯ ขณะที่จีน ซึ่งมีข้อพิพาทเรื่องเขตแดนกับเวียดนาม และยังเคยทำสงครามกันด้วย แต่การที่นาย “โต เลิม” ผู้นำคนใหม่ของเวียดนาม เลือกเยือนจีนเป็นจุดหมายแรก ก็แสดงให้เห็นว่าเวียดนามไม่สามารถปฏิเสธการขยายความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้ากับจีนได้.

เรียบเรียงจาก : High expectations from Vietnamese top leader's historic China visit


กำลังโหลดความคิดเห็น