ท่ามกลางวิกฤตเศรษฐกิจที่หนักหน่วงในประเทศจีน การหางานทำได้กลายเป็นความท้าทายที่ใหญ่หลวงสำหรับคนหนุ่มสาว สถานการณ์นี้ได้เปิดช่องทางให้มิจฉาชีพใช้ประโยชน์จากความสิ้นหวังของพวกเขา โดยการหลอกลวงในรูปแบบต่างๆ เช่น งานที่ไม่มีอยู่จริง การโฆษณาหลอกลวง และการกู้ยืมเงินที่เป็นกับดัก กำลังแพร่ระบาดมากขึ้นทั่วประเทศ
เมื่อปีที่แล้ว หน่วยงานอัยการใหญ่ของจีนได้เตือนว่า มิจฉาชีพกำลังมุ่งเป้าไปที่นักเรียนและบัณฑิตใหม่มากขึ้น เนื่องจากพวกเขาเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากการว่างงานที่พุ่งสูง โดยในเดือนมิถุนายนปีที่แล้ว อัตราการว่างงานของเยาวชนในจีนแตะระดับสูงสุดที่ 21.3% ซึ่งทำให้ทางการจีนต้องหยุดเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับอัตราการว่างงานในกลุ่มนี้เพราะตัวเลขที่น่าตกใจ
ภายใต้สถานการณ์ที่มีการหางานที่ยากลำบาก ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ได้เน้นย้ำว่าการหางานให้กับคนหนุ่มสาวเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องให้ความสำคัญสูงสุดในปีนี้ เนื่องจากมีความกังวลเกี่ยวกับอนาคตของเยาวชน และความสามารถในการหางานที่มั่นคง อย่างไรก็ตาม ความกดดันในการหางานยังคงสูงอยู่ โฆษกของสำนักงานสถิติแห่งชาติเปิดเผยเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาว่า อัตราการว่างงานของจีนโดยรวมในเดือนกรกฎาคมปีนี้เพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 4 เดือน และกลุ่มเยาวชนยังคงเผชิญกับความยากลำบากในการหางานทำ
หนึ่งในกรณีที่สะท้อนปัญหานี้ได้ชัดเจนคือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับนักศึกษาวิทยาลัยที่กำลังมองหางานพาร์ทไทม์ในการส่งอาหาร เขาถูกหลอกให้ลงนามในสัญญาเช่ารถจักรยานไฟฟ้าเป็นเวลาหนึ่งปี โดยมิจฉาชีพที่แกล้งทำเป็นนายหน้าจากบริการส่งอาหารยอดนิยมอย่าง Meituan บอกกับเขาว่าจำเป็นต้องเช่าจักรยานก่อนจึงจะสามารถเริ่มงานได้ หลังจากที่เขาลงนามในสัญญาแล้วกลับพบว่า รายได้ที่เขาได้รับนั้นน้อยมากเมื่อเทียบกับที่สัญญาไว้ และแทบไม่สามารถจ่ายค่าเช่ารายเดือนได้
ความยากลำบากในการหางานยังทำให้นักเรียนบางคนหันมาเป็นมิจฉาชีพเสียเอง ข้อมูลจากหน่วยงานอัยการระบุว่า ในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2023 มีจำนวนเยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ที่ถูกดำเนินคดีในข้อหาหลอกลวงทางโทรศัพท์และอินเทอร์เน็ตเพิ่มขึ้น 68% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้านี้ และยังมีจำนวนบัณฑิตใหม่ที่มีวุฒิการศึกษาสูงที่เข้าร่วมขบวนการหลอกลวงเพิ่มขึ้นอีกด้วย
กรณีที่โดดเด่นและสร้างความสะเทือนใจให้สังคมจีน คือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับวัยรุ่นอายุ 19 ปีในเมืองอู่ฮั่น ผู้มีปัญหาทางสติปัญญา เขาถูกมิจฉาชีพล่อลวงให้ทำศัลยกรรมเสริมหน้าอก ด้วยความหวังว่าจะได้งานในคลินิกศัลยกรรม มิจฉาชีพยังหลอกให้เขากู้เงินจำนวน 30,000 หยวน (ประมาณ 140,000 บาท) เพื่อใช้ในการผ่าตัด โดยอ้างว่าจะช่วยให้เขาได้รับความนิยมผ่านการถ่ายทอดสดออนไลน์ แม้ว่าแม่ของเด็กหนุ่มรายนี้จะสามารถยกเลิกการกู้เงินได้ด้วยความช่วยเหลือจากสถานีโทรทัศน์และทนายความ แต่การผ่าตัดเสริมหน้าอกได้เกิดขึ้นไปแล้ว ทำให้เขาต้องเผชิญกับการผ่าตัดอีกครั้งเพื่อเอาซิลิโคนออก
เหตุการณ์นี้ได้จุดชนวนความไม่พอใจในสังคมจีน โดยมีผู้ใช้โซเชียลมีเดียอย่าง Weibo แสดงความคิดเห็นกว่า 2,600 ข้อความ เช่น ความคิดเห็นหนึ่งระบุว่า "เพื่อเงิน คนสามารถละทิ้งความเป็นมนุษย์ได้จริงๆ" อีกความคิดเห็นหนึ่งกล่าวว่า "เลวกว่าสัตว์เดรัจฉาน!"
ที่มา กลุ่มสื่อต่างประเทศ