xs
xsm
sm
md
lg

Exclusive! ตัวแทนนักการเมืองไทยถกจีนรับมือ “มรสุมข่าวลบ”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ผู้แทนจากพรรคการเมืองของไทยร่วมหารือกับตัวแทนสถานทูตจีน ท่ามกลางกระแสสาธารณะที่จับตาการหลั่งไหลเข้ามาของกลุ่มทุนจีน และข่าวด้านลบที่อาจส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของสองประเทศ

เมื่อวันที่ 9 ส.ค. สถานทูตจีนประจำประเทศไทยได้เชิญผู้แทนจากพรรคการเมืองต่างๆ ที่เคยเดินทางไปประเทศจีน เข้าร่วมให้ความคิดเห็นถึงประสบการณ์ที่ได้ไปพบเห็น รวมถึงประเด็นต่างๆ ที่ฝ่ายการเมืองและสาธารณชนไทยกำลังสนใจเกี่ยวกับประเทศจีน

ในช่วงที่ผ่านมา สังคมไทยเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ถึงการเข้ามาของกลุ่มทุนจีน ตั้งแต่เรื่องทัวร์ศูนย์เหรียญ ทุนจีนสีเทา รถยนต์ไฟฟ้า แอปพลิเคชันชอปปิ้ง แม้แต่ร้านหมาล่า และซูเปอร์มาเกตขายสินค้าจีน ก็มีเสียงวิจารณ์มากมาย หลายเรื่องเป็นจริง แต่หลายเรื่องก็ไม่เป็นธรรม และอาจมี “สงครามข้อมูลข่าวสาร” อย่างเป็นกระบวนการเพื่อสร้าง “ความหวาดกลัวจีน”


กระแสลบที่เกิดขึ้นกำลังขยายวงกว้างจนสังคมไทยมีทัศนคติ “สีเทา” กับกลุ่มทุนจีนและประเทศจีน เช่น แค่ป้ายที่มีภาษาจีนก็จะกลายเป็นประเด็นทันที และไม่ว่าฝ่ายจีนจะชี้แจงอย่างไรก็จะถูกมองว่า “แก้ตัว”

ส.ส. ปารเมศ วิทยารักษ์สรรค์ จากพรรคประชาชน ให้ความคิดเห็นว่า ขณะนี้ประเด็นต่างๆ ถูกนำมารวมกันหมด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กเรื่องใหญ่ ทำให้คนไทยแยกแยะได้ยาก จึงเสนอให้สถานทูตและทางการจีนต้องมีวิธีการสื่อสารที่ชัดเจน ทำให้คนไทยเข้าใจได้ว่าประเทศจีนไม่ได้สนับสนุนพฤติกรรมผิดกฎหมาย และแยกแยะกลุ่มคนจีนที่เข้ามาสร้างประโยชน์ให้ประเทศไทย ออกจากกลุ่มทุนสีเทา

ตัวแทนจากสถานทูตจีนยืนยันว่า การกระทำผิดกฎหมายของกลุ่มทุนจีนเป็นเพียงส่วนเล็กน้อย ทางการจีนพร้อมจะร่วมมือกับฝ่ายไทยในการจัดการ พร้อมชี้ว่าการปฏิเสธจีนคือการปฏิเสธโอกาส

น.ส.เกศปรียา แก้วแสนเมือง เลขานุการประจำคณะกรรมาธิการการต่างประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ระบุว่า ประเทศไทยขาดดุลการค้ากับประเทศจีนมากถึง 36,000 ล้านเหรียญสหรัฐในปีที่แล้ว จนกลายเป็นกระแสว่าประเทศไทยเสียเปรียบ และได้สอบถามถึงวิธีการที่ฝ่ายจีนจะทำให้การค้าขายระหว่างกันเกิดประโยชน์กับทั้งสองฝ่าย

ตัวแทนฝ่ายเศรษฐกิจของสถานทูตจีนให้ข้อมูลว่า จีนไม่เพียงแต่ส่งออกสินค้ามายังประเทศไทย แต่จีนยังนำเข้าสินค้าจากประเทศไทยเพิ่มขึ้นด้วย โดยเฉพาะผลไม้ 22 ชนิดที่จีนนำเข้าจากไทย ล่าสุด ได้มีการเปิดเส้นทางการขนส่งสินค้าผ่านทางแม่น้ำโขง เพื่อส่งผลไม้จากภาคเหนือของไทยไปยังมณฑลยูนนานของจีน

ในด้านการลงทุน สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน ทำให้กลุ่มทุนจีนย้ายฐานการผลิตมายังประเทศไทยมากขึ้น ซึ่งช่วยให้ประเทศไทยส่งออกได้มากขึ้นด้วย ในนิคมอุตสาหกรรมที่ จ.ระยอง มีบริษัทจีนราว 250 แห่ง จ้างงานมากกว่า55,000 คน และเป็นคนไทยเกือบทั้งหมด

ฝ่ายจีนยืนยันว่า การลงทุนของจีนในประเทศไทยเป็นการลงทุกระยะยาว และพร้อมที่จะสร้างห่วงโซ่อุปทานในประเทศไทย และเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนไทย


ผู้แทนทูตทหารประจำสถานทูตจีนได้สอบถามเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างกองทัพจีน-ไทย เพราะพรรคการเมืองไทยหลายพรรคมีจุดยืนปฏิรูปกองทัพ มีการวิพากษ์วิจารณ์ในหลายเรื่อง เช่น การซ้อมรบร่วม งบประมาณของกองทัพ รวมถึงเรื่องการจัดซื้อเรือดำน้ำจากจีน

นายวสวรรธน์ พวงพรศรี หัวหน้าพรรคไทรวมพลัง และนายพงศ์พล ยอดเมืองเจริญ จากพรรครวมไทยสร้างชาติ ชี้แจงว่า การซื้อเรือดำน้ำจากจีนถูก “ปั่นกระแส” เกินจริงไปมากว่า “ซื้อเรือแต่ไม่ได้เครื่องยนต์” แต่ในความเป็นจริงแล้ว งบประมาณเบื้องต้นที่ตั้งไว้เป็นการซื้อเฉพาะตัวเรือ ยังไม่ได้ตั้งงบประมาณซื้อเครื่องยนต์ ทั้งนี้ งบประมาณของกองทัพไม่ได้ถูกตัดลดอย่างมีนัยสำคัญ ทุกพรรคการเมืองเห็นความสำคัญเรื่องของความมั่นคง โดยยังมีการเสนอให้จัดสรรงบประมาณเพื่อรับมือความเปลี่ยนแปลงด้านภูมิรัฐศาสตร์ เช่น ความตึงเครียดในทะเลจีนใต้อีกด้วย

ในเรื่องของการท่องเที่ยว น.ส.พลอยทะเล ลักษมีแสงจันทร์ จากพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การยกเว้นวีซ่าให้นักท่องเที่ยวจีนได้สนับสนุนให้คนจีนมาเที่ยวเมืองได้สะดวกขึ้น แต่จำนวนนักท่องเที่ยวที่มากทำให้เกิดความแออัดในหลายพื้นที่ รวมถึง จ.ภูเก็ต ที่เป็นบ้านเกิดของเธอ จึงเสนอให้มีการกระจายการท่องเที่ยวไปยังเมืองรองมากขึ้น เพื่อขยายเศรษฐกิจ และลดการกระจุกตัวของทรัพยากรการท่องเที่ยว


ส.ส. ณรงเดช อุฬารกุล จากพรรคประชาชน ให้ความเห็นว่า มาตรการวีซ่าฟรีทำให้คนไทยไปเที่ยวเมืองจีนมากขึ้น แต่ยังมีอุปสรรคคือ แอปพลิเคชันและแพลตฟอร์มต่างๆ ที่คนไทยนิยมใช้แตกต่างจากในประเทศจีน เช่น กูเกิลแมป ระบบชำระเงินออนไลน์ และสื่อสังคมออนไลน์ที่คนไทยใช้เพื่อหาข้อมูลการท่องเที่ยว หากสามารถเชื่อมโยงแพลตฟอร์มของทั้งสองประเทศ จะช่วยให้คนไทยไปเที่ยวเมืองจีนได้อย่างสะดวกมากขึ้น

ตัวแทนจากสถานทูตจีนระบุว่า ตระหนักถึงความแตกต่างในสื่อสังคมออนไลน์ของจีนและไทย และกำลังแก้ไขปัญหานี้อยู่ โดยฝ่ายจีนได้เพิ่มความพยายามในการเผยแพร่ข้อมูลผ่านสื่อที่คนไทยนิยม เช่น เฟชบุ๊ก ติ๊กต็อก

ความสัมพันธ์ของประเทศจีนต่อประเทศไทย มีทั้งมุมมองว่าเป็นการ “รุกคืบ” และมุมมองว่าเป็นการ “เพิ่มพูน” ความสัมพันธ์ ซึ่งแล้วแต่วาทกรรมที่แต่ละฝ่ายใช้ ทว่าไม่มีใครและประเทศใดจะปฏิเสธบทบาทของจีนได้ ในปีหน้า 2568 จะเป็นวาระครบรอบ 50 ปีความสัมพันธ์ไทยจีน การสร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง มีทัศนคติที่เป็นธรรม จะเป็นพื้นฐานของความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างประเทศไทยกับประเทศจีน.


กำลังโหลดความคิดเห็น