การแข่งขันแบดมินตัน ในมหกรรมกีฬาโอลิมปิก 2024 ณ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส วันจันทร์ที่ 5 สิงหาคมที่ผ่านมา ไฮไลต์เป็นการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ ประเภทชายเดี่ยว "วิว" กุลวุฒิ วิทิตศานต์ นักตบลูกขนไก่มือ 8 ของโลก พบกับตัวเต็ง อย่าง วิกเตอร์ อเซลเซน มือ 2 ของโลกจากเดนมาร์ก ผลปรากฏว่า "วิว" กุลวุฒิ ต้านทานความแข็งแกร่งของ วิกเตอร์ อเซลเซน ไม่ไหว พ่ายแพ้ไป 0-2 เกม 11-21, 11-21 ได้เหรียญเงินไปครอง
แม้จะแพ้ แต่ "วิว" กุลวุฒิ ก็ยังคงสร้างประวัติศาสตร์เป็นนักกีฬาแบดมินตันไทยคนแรกในประวัติศาสตร์ที่สามารถคว้าเหรียญรางวัลในโอลิมปิกเกมส์สำเร็จ
ส่วน วิกเตอร์ อเซลเซน (Viktor Axelsen) นักแบดมินตันชาวเดนมาร์ก วัย 30 ปี กับส่วนสูง 194 เซนติเมตร เจ้าของเหรียญทองปารีส โอลิมปิกนั้น มีดีกรีเป็นถึงเจ้าของเหรียญทองโอลิมปิก 2020 ที่โตเกียว เหรียญทองแดง โอลิมปิก 2016 ที่ริโอ เดอ จาเนโร ไม่นับกับแชมป์โลก 2 สมัย และแชมป์ต่างๆ อีกมากมายนับไม่ถ้วน
หลังปราบนักแบดดาวรุ่งจากไทย คว้าเหรียญทองโอลิมปิกได้อีก 1 สมัย ชื่อของวิกเตอร์ อเซลเซน ก็เป็นที่พูดถึงกันอีกครั้ง โดยในบ้านเรามีคลิปต่างๆ เผยแพร่ไปทั่ว ไม่ว่าจะรูปร่าง ส่วนสูง ไปจนถึงสรีระที่ความยาวช่วงแขนของเขาวัดจากปลายนิ้วมือซ้ายไปยังมือขวานั้นยาวถึง 2 เมตร
ส่วนที่กลายเป็นประเด็น “ทอล์กออฟเดอะทาวน์” ตั้งแต่แข่งเสร็จ คือ มีคนไปขุดคลิปให้สัมภาษณ์ในอดีตของวิกเตอร์ที่พูดและให้สัมภาษณ์ภาษาจีนกลางแบบลื่นไหล ราวกับเจ้าของภาษา จนมีคนสงสัยว่านักแบดมินตันชาวเดนมาร์กผู้นี้ไปเรียนภาษาจีนมาจากไหน และอะไรเป็นแรงบันดาลใจที่ทำให้เขาหันมาสนใจภาษาจีน?
ย้อนกลับไปเมื่อสิบกว่าปีก่อน สมัยยังเป็นนักแบดเยาวชน ในวัย 16 ปี วิกเตอร์ เป็นที่รู้จักจากการแข่งขัน รายการ เวิลด์ จูเนียร์ แชมเปียนชิป 2010 หรือแบดมินตันเยาวชนชิงแชมป์โลก ที่ประเทศเม็กซิโก โดย วิกเตอร์ สามารถคว้าแชมป์มาได้โดยชนะ คัง จิน-อุก (Kang Ji-wook) จากเกาหลีใต้ โดยเขากลายเป็นนักแบดมินตันนอกทวีปเอเชียคนแรกที่สามารถคว้าแชมป์รายการนี้
หลังจากนั้น วิกเตอร์ อเซลเซน ก็ขึ้นชั้นมาลงแข่งขันแบดมินตันในระดับซีเนียร์ โดยได้แชมป์หลายรายการ ทว่าจนแล้วจนรอด นักแบดฝรั่งจากทวีปยุโรปผู้นี้ก็ยังไม่สามารถเอาชนะแชมป์แบดมินตันที่ได้ชื่อว่าเป็น มหาเทพแห่งยุค 3 คนได้ นั่นก็คือ
1.หลิน ตัน (林丹) ยอดนักแบดมินตันจากจีน
2.ลี ชอง เหว่ย (李宗伟) ยอดนักแบดชาวมาเลเซีย
และ 3.เฉิน หลง (谌龙) ตำนานนักแบดจากจีนอีกคน
เมื่อยอมรับว่าประเทศจีนครอบครองวงการแบดมินตันระดับท็อปของโลก และนักแบดจีนล้วนแล้วแต่สื่อสารกันโดยใช้ภาษาจีนเป็นหลัก ทั้งในประเทศจีน และประเทศเพื่อนบ้านอย่างเช่น ไต้หวัน มาเลเซีย สิงคโปร์
เมื่อสิบปีที่แล้วในปี 2557 วิกเตอร์ จึงตัดสินใจอย่างแนวแน่ว่า จะต้องเรียนภาษาจีนให้ได้ โดยเขาจ้างครูชาวจีนมาสอนทุกวัน วันละ 1 ชั่วโมง เพื่อที่จะได้ก้าวข้ามกำแพงภาษาไปสู่การพัฒนาทักษะแบดมินตันของเขา
ครั้งหนึ่ง วิกเตอร์ เคยให้สัมภาษณ์ว่า "ผมไม่รู้หรอกว่าการพูดภาษาจีนกลางจะช่วยพัฒนาผลงานของผมในสนามแบดได้ไหม แต่ผลได้ที่มากที่สุดก็คือ ผมสามารถสื่อสารกับนักแบดได้หลากหลายขึ้น โดยเฉพาะกับนักแบดชาวจีน เพื่อที่จะได้เรียนรู้ว่าพวกเขาฝึกซ้อมกันอย่างไร ... นั่นจะทำให้คุณเรียนรู้ว่าสิ่งที่คุณทำอยู่นั้นถูกต้องหรือไม่ คือการเรียนรู้จากนักแบดมินตันชาวจีน"
นั่นหมายความว่า นักแบดชาวเดนมาร์กผู้นี้มุ่งมั่นที่จะเรียนภาษา (ที่ยากมากสำหรับชาวตะวันตก) เพิ่มเติมอีกหนึ่งภาษา เพื่อที่จะเป็นประตูเปิดไปสู่เคล็ดลับของวิชาลูกขนไก่ที่ชาวจีนครองความเป็นเจ้าอยู่ในขณะนั้น
แต่ผลของความพยายามที่มาถูกทาง ในที่สุด วิกเตอร์ อเซลเซน ก็สามารถเอาชนะ หลิน ตัน จนคว้าเหรียญทองแดง โอลิมปิกปี 2559 ที่กรุงริโอ เดอ จาเนโร ประเทศบราซิล ได้สำเร็จ โดยหลังชัยชนะครั้งนั้น วิกเตอร์ ให้สัมภาษณ์นักข่าวจากช่อง CCTV ของจีนด้วยภาษาจีนกลางอย่างคล่องแคล่ว ทำให้เขากลายเป็นกระแสโด่งดังในแดนมังกร
นอกจากนี้ ครูภาษาจีนยังช่วยตั้งชื่อจีนให้ วิกเตอร์ อเซลเซ่น โดยให้เสียงพ้องกับนามสกุล ว่า อัน ไซ่หลง (安赛隆) แปลว่า มังกรนักแข่งผู้สุขุม (安稳善赛的龙)
ต่อมาในเดือนธันวาคม 2559 วิกเตอร์ ก็สามารถชนะ ลี ชอง เหว่ย ยอดนักแบดชาวมาเลเซีย ได้ในรอบแบ่งกลุ่มรายการ ซูเปอร์ซีรีส์ ไฟนัลส์ ก่อนที่จะก้าวขึ้นไปคว้าแชมป์ได้สำเร็จ
พอเดือนเมษายนปี 2560 วิกเตอร์ ก็คว้าแชมป์ อินเดีย โอเพ่น ตามด้วยคว้าแชมป์โลกในเดือนสิงหาคม จากการเอาชนะทั้งตำนานนักแบดจีนอย่าง เฉิน หลง ในรอบรองฯ และ หลิน ตัน ในรอบชิง จนกลายเป็นนักแบดจากเดนมาร์กคนแรกที่คว้าแชมป์โลกประเภทชายเดี่ยวนับตั้งแต่ ปีเตอร์ ราสมุสเซน ในปี 2540
นอกจากนั้น ในปี 2560 เดียวกัน วิกเตอร์ ยังชนะ ลี ชอง เหว่ย ในนัดชิงได้ถึง 2 รายการ ทั้ง เจแปน โอเพน และ ซูเปอร์ซีรีส์ ไฟนัลส์
กล่าวได้ว่า หลังจากทุ่มเทเรียนภาษาจีนมาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 3 ปี วิกเตอร์ ก็สามารถใช้ภาษาจีนเป็นกุญแจดอกสำคัญที่นำไปสู่การบรรลุเคล็ดวิชาแบดมินตันได้สำเร็จ จนสามารถเอาชนะ 3 สุดยอดนักแบดมินตันเชื้อสายจีนแห่งยุคได้ทั้งหมด และก้าวขึ้นไปเป็นมือ 1 ของโลกได้สำเร็จ โดยเขาสามารถยึดครองมือ 1 นักแบดมินตันชายเดี่ยวของโลกได้ยาวนานเป็นอันดับที่ 3 โดยรวมแล้วถึง 183 สัปดาห์ เป็นรองเพียงแค่ ลี ชอง เหว่ย (398 สัปดาห์) และ หลิน ตัน (211 สัปดาห์)
ในเส้นทางเรียนภาษาจีนกว่าทศวรรษที่ผ่านมา เพื่อค้นหาเคล็ดวิชาลูกขนไก่ วิกเตอร์ได้บรรลุถึงเป้าหมายของเขาแล้ว โดยระหว่างทางเป็นไปได้ว่า “อัน ไซ่หลง” น่าจะได้เรียนรู้สุภาษิตจีนโบราณสำคัญบทหนึ่งซึ่งกล่าวโดย ขุนนาง กวี และนักประวัติศาสตร์ชาวจีนชื่อดังในสมัยราชวงศ์เหนือใต้เมื่อพันกว่าปีที่แล้ว นาม ฟ่านเย่ (范晔)
โดยสุภาษิตจีนบทนี้ ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในสัจธรรมของการใช้ชีวิต และปรัชญาขั้นพื้นฐานของการก้าวไปสู่ความสำเร็จ นั่นคือ สุภาษิตที่ว่า “โหย่วจื้อเจ๋อ ซื่อจิ้งเฉิง (有志者,事竟成)” อันแปลความหมายเป็นไทย คือ “ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จย่อมอยู่ที่นั่น!”
คลิป 1. วิกเตอร์ อเซลเซน ให้สัมภาษณ์เป็นภาษาจีน กับสถานีโทรทัศน์จีน CGTN
คลิป 2. วิกเตอร์ อเซลเซน ขอบคุณแฟนๆเป็นภาษาจีน หลังคว้าเหรียญทองโอลิมปิกโตเกียว 2020
คลิป 3. วิกเตอร์ อเซลเซน ให้สัมภาษณ์ค่ายสื่อจีนหลังคว้าเหรียญทองโอลิมปิกโตเกียว 2020 เกี่ยวกับการเรียนภาษาจีนของตน เมื่อลูกสาวคนแรกของวิคเตอร์ถือกำเนิดในปี ค.ศ.2020 เขาตั้งชื่อจีนให้เธอว่า อันเหวยจยา (安维佳) ขณะที่เขาและภรรยาใช้ภาษาเดนมาร์กคุยกัน เขาใช้ภาษาจีนคุยกับลูกสาวตัวน้อย เพื่อสร้างพื้นฐานภาษาที่ดีให้ลูกสาวในการเรียนภาษาจีนในอนาคต