หลังจากผู้คนในเมืองใหญ่เขตอุตสาหกรรมแถบชายฝั่งภาคตะวันออกของจีนต้องเผชิญกับสภาพอากาศร้อนอบอ้าวมานานนับสัปดาห์แล้ว ถึงวันนี้ หลายพื้นที่อุณหภูมิยังไม่ลดลง หนำซ้ำกลับเพิ่มขึ้นเสียอีก
สถานีโทรทัศน์ซีซีทีวีของทางการจีนรายงานว่า อุณหภูมิอากาศที่พุ่งสูงถึง 43.9 องศาเซลเซียสในภาคตะวันออกและภาคตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศ ได้แผดเผามณฑลเจ้อเจียง เจียงซู อันฮุย นครเซี่ยงไฮ้ และเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา
เมืองหังโจว มณฑลเจ้อเจียงร้อนทำสถิติถึง 41.9 องศาเซลเซียสเมื่อวันเสาร์ (3 ส.ค.) ตามรายงานของสถานีอุตุนิยมวิทยาท้องถิ่น โดยคาดว่า ประชาชน 12 ล้าน 5 แสนคนในเมืองแห่งนี้จะร้อนจนเหงื่อตกท่ามกลางอุณหภูมิอากาศที่สูงกว่า 40 องศาเซลเซียสต่อไปอีก 10 วัน ซึ่งจะทำลายสถิติอากาศร้อนต่อเนื่อง 8 วันในเมืองแห่งนี้เมื่อปี พ.ศ.2556
นอกจากนั้น อีกหลายพื้นที่ในเขตสามเหลี่ยมปากแม่น้ำแยงซีอาจเผชิญสภาพอากาศร้อนอบอ้าวกว่า 37 องศาเซลเซียสในอีกไม่กี่วันข้างหน้า
สถานีอุตุนิยมวิทยามณฑลเจียงซูประกาศเตือนสภาพอากาศร้อนระดับสีแดงเมื่อวันอาทิตย์ (4 ส.ค.) โดยซีซีทีวีรายงานว่า อุณหภูมิอากาศอาจเพิ่มขึ้นถึง 40 องศาเซลเซียสได้ในเมืองอู๋ซี ฉางโจว และเจิ้นเจียง
นักอุตุนิยมวิทยาของจีนระบุว่า สภาพอากาศร้อนเป็นประวัติการณ์ในปีนี้เป็นผลจากภาวะโลกร้อน ซึ่งทำให้อุณหภูมิอากาศในภาคพื้นทวีปเพิ่มขึ้น แม้ว่าปรากฏการณ์ลานีญาจะทำให้มหาสมุทรแปซิฟิกในแถบเส้นศูนย์สูตรมีอุณหภูมิพื้นผิวทะเลเย็นลงกว่าค่าเฉลี่ยแล้วก็ตาม
ฤดูใบไม้ผลิของจีนเมื่อต้นปีนี้มีสภาพอากาศอบอุ่นที่สุด นับตั้งแต่ปี พ.ศ.2504 ซึ่งจีนเริ่มการบันทึกรวบรวมข้อมูลสมัยใหม่ ตามมาด้วยสภาพอากาศร้อนที่สุดในเดือน พ.ค. ทำให้ภาคกลางของจีนเกิดสภาวะคล้ายภัยแล้งอยู่หลายสัปดาห์ในเดือน มิ.ย. ส่งผลกระทบต่อพืชไร่และการดำรงชีวิตของชุมชนเกษตรกรรมในภูมิภาค
สภาพอากาศที่ร้อนจัดในช่วงฤดูร้อนนี้ทำให้มีความต้องการใช้เครื่องปรับอากาศ ส่งผลให้ปริมาณการใช้ไฟฟ้าเพิ่มขึ้น ซึ่งอาจเกิดปัญหามีไฟฟ้าจ่ายไม่เพียงพอ การไฟฟ้ามณฑลเจ้อเจียงจึงเริ่มแนะนำตั้งแต่เมื่อเดือนที่แล้วให้ประชาชนชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าตอนดึก เพื่อหลีกเลี่ยงในช่วงที่มีผู้ใช้ไฟฟ้ากันมากที่สุดในแต่ละวัน
ด้านสำนักอุตุนิยมวิทยาแห่งชาติเตือนเมื่อวันจันทร์ (5 ส.ค.) ให้ระวังอัคคีภัยจากการใช้ไฟฟ้ามากเกินไป
ที่มา : รอยเตอร์