xs
xsm
sm
md
lg

กร่างไหม? รมช.ต่างประเทศมะกันพูดว่าชอบให้นักศึกษาอินเดียมาเรียน STEM มากกว่านักศึกษาจากจีน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


นายเคิร์ต แคมป์เบล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกา - ภาพ : รอยเตอร์
มหาวิทยาลัยในสหรัฐอเมริกาควรจำกัดให้นักศึกษาจากประเทศจีนเข้าเรียนเฉพาะสาขามนุษยศาสตร์ด้วยเหตุผลด้านภูมิรัฐศาสตร์ นายเคิร์ต แคมป์เบล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกาแนะนำ ซึ่งนักศึกษาชาวจีนรวมทั้งพ่อแม่ผู้ปกครองฟังแล้วไม่โอเค

นายแคมป์เบล กล่าวในงานจัดโดยสภาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ (Council on Foreign Relations) ซึ่งเป็นสถาบันคลังสมองเมื่อวันจันทร์ที่ 24 มิ.ย.ที่ผ่านมาว่า ประเทศของเขาต้องการรับนักศึกษาต่างชาติมาเรียนสะเต็มศึกษา (STEM - การศึกษาแบบองค์รวมระหว่างวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี  วิศวกรรมศาสตร์  และคณิตศาสตร์) เพิ่มมากขึ้น แต่ไม่ใช่จากประเทศจีน โดยวอชิงตันกำลังตั้งเป้าหมายดึงดูดนักศึกษาจากอินเดีย ซึ่งเป็นหุ้นส่วนด้านความมั่นคงของสหรัฐฯ ที่มีความสำคัญเพิ่มขึ้นทุกที

ตามคำกล่าวของเจ้าหน้าที่ระดับสูงผู้นี้ สหรัฐฯ ควรให้การต้อนรับนักศึกษาจากประเทศจีนเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน แต่ควรให้เรียนสาขามนุษยศาสตร์มากกว่าวิทยาศาสตร์
 
“ผมอยากเห็นนักศึกษาจีนมาเรียนด้านมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์กันมากขึ้น ไม่ใช่ฟิสิกส์อนุภาค”


เขายังตั้งข้อสังเกตว่า มหาวิทยาลัยในสหรัฐฯ กำลังมีการจำกัดนักศึกษาจีนในการเข้าเรียนเทคโนโลยีที่มีความอ่อนไหวแล้ว เนื่องจากข้อวิตกกังวลด้านความมั่นคง
 
จูเลีย จู นักศึกษาด้านการสื่อสารของมหาวิทยาลัยนานาชาติศึกษาเซี่ยงไฮ้ ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยสอนภาษาต่างประเทศที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของจีน รู้สึกว่ามี "ความเย่อหยิ่ง" ในคำพูดของแคมป์เบลล์ ซึ่งใช้ความเป็นชาติที่เหนือกว่ามากำหนดบทบาทของชาติอื่นๆ ในระเบียบโลก

 
“ประเด็นของเขาก็คืออินเดียมีประชาธิปไตยอยู่แล้ว และชาวอินเดียเต็มใจที่จะมาอเมริกาเพื่อทำงานให้อเมริกา ในทางตรงกันข้าม ชาวจีนจำเป็นต้องได้รับการศึกษาใหม่ผ่านทางมนุษยศาสตร์ของอเมริกา” เธอให้ความเห็น


จูยังไม่เชื่อคำพูดของนายแคมป์เบลที่ว่าให้การต้อนรับนักศึกษาจีนมาเรียนมนุษยศาสตร์ แต่ต้องทำให้เห็นก่อน อย่างน้อยๆ ก็ลดค่าเล่าเรียน


แมนดี้ หวังเปิดเผยว่า มีลูกชายวัย 15 ปี กำลังเรียนชั้นมัธยมศึกษาในกรุงปักกิ่ง เขาฝันจะไปเรียนสะเต็มศึกษาที่อเมริกา เพราะที่นั่นมีมหาวิทยาลัยดีที่สุดในโลก เขาสนใจคณิตศาสตร์และฟิสิกส์อย่างมาก และตื่นเต้นกับการเปลี่ยนแปลงที่ปฏิวัติวงการเพื่อเป็นประโยชน์ต่อคนทั้งโลก แต่ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ กับจีนทำให้นักศึกษาจีนที่วางแผนไปเรียนที่สหรัฐฯ ตกเป็นเหยื่อ


“วิทยาศาสตร์ไม่ควรมีพรมแดนหรือตกอยู่ใต้อิทธิพลของความมุ่งหมายทางการเมืองด้วยจิตใจที่คับแคบ”


หวังยังรู้สึกผิดหวัง เมื่อได้ฟังเรื่องราวจากเพื่อนๆ เกี่ยวกับนักศึกษาจีนที่เรียนสะเต็มศึกษาในสหรัฐฯ ถูกตรวจสอบเข้มงวดขึ้น เมื่อขอวีซ่า หรือเมื่อเข้าสหรัฐฯ

 
เมื่อต้นปีนี้ สถานทูตจีนในกรุงวอชิงตันกล่าวหาทางการสหรัฐฯ ว่าทำการสอบสวนและคุกคามอย่างไม่สมควรกับนักศึกษาที่เดินทางมาถึงสหรัฐฯ ด้วยใบอนุญาตเดินทางที่ถูกต้อง บางคนถูกยกเลิกวีซ่าและถูกส่งตัวกลับประเทศ


แจ็ก หลี่ ซึ่งเรียนสาขาวิศวกรรมโทรคมนาคมเป็นวิชาเอก บอกว่า มหาวิทยาลัยของเขาอยู่ในรายชื่อองค์กรที่รัฐบาลสหรัฐฯ คว่ำบาตร เขากับเพื่อนๆ จึงไม่วางแผนไปเรียนระดับปริญญาโทที่สหรัฐฯ

 
เขาเห็นว่า สหรัฐฯ ไม่จำเป็นมานั่งวิตกกังวลเกี่ยวกับแรงจูงใจของนักศึกษาจีนให้เสียเวลา เพราะอาจารย์ส่วนใหญ่ที่นี่ยุ่งอยู่กับการสร้างบริษัทของตนเองเพื่อหารายได้ น้อยคนจะใส่ใจผลการเรียนของนักศึกษา พวกอาจารย์จะเสียเวลาพูดขอให้นักศึกษาขโมยทรัพย์สินทางปัญญาจากประเทศอื่นไปทำไม


แกรี ไซว่ กรรมการผู้จัดการของ Weichen Education ซึ่งเป็นบริษัทแนะแนวการศึกษาต่อในต่างประเทศระบุว่า การคัดกรองนักศึกษาต่างชาติชาวจีนอย่างเข้มงวดอาจเป็นดาบสองคมสำหรับสหรัฐฯ และเตือนว่า คำพูดของนายแคมป์เบลอาจเป็นสารตั้งต้นของมาตรการใหม่ๆ ที่สหรัฐฯ จะประกาศต่อไป เพื่อจํากัดการศึกษาและการวิจัยของนักศึกษาจีนในสาขาวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมศาสตร์ ซึ่งอาจรวมถึงการทบทวนวีซ่าที่เข้มงวดขึ้นและข้อจํากัดในการทำโครงการวิจัย


ไซว่ยังแนะนำให้นักศึกษาจีนมองหาที่เรียนในประเทศอื่น

 
เขาชี้ว่า นักศึกษาชาวจีนมีส่วนสนับสนุนอย่างมากต่อการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ในสหรัฐฯ มาตรการเข้มงวดอาจนำไปสู่ปรากฏการณ์สมองไหล และศักยภาพด้านนวัตกรรมที่ลดลงในชุมชนวิทยาศาสตร์และวิชาการของสหรัฐฯ ต่อไปก็เป็นได้


ทั้งนี้ แม้จำนวนนักศึกษาจากประเทศจีนลดลงเป็นเวลา 3 ปีติดต่อกันจากปัญหามาตรการควบคุมโรคโควิด-19 และความสัมพันธ์ที่ตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ กับจีน แต่ปัจจุบัน นักศึกษาจากจีนยังคงมีจำนวนมากกว่านักศึกษาจากชาติอื่นๆ ในสหรัฐฯ โดยมีนักศึกษาชาวจีนลงทะเบียนเรียนในปีการศึกษา 2565-2566 จำนวน 289,500 คน ขณะที่ในปีการศึกษา 2562-2563 มีจำนวนกว่า 370,000 คนจากข้อมูลใน Open Doors Report ที่เผยแพร่โดยกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ และสถาบันการศึกษานานาชาติ


ที่มา “Is the US arrogant to say it prefers Indian STEM students to Chinese nationals?” ในเซาท์ไชน่ามอร์นิงโพสต์



กำลังโหลดความคิดเห็น