เมื่อวันอังคาร (7 พ.ค.) ติ๊กต็อก (TikTok) แพลตฟอร์มวิดีโอด้านความบันเทิงออนไลน์ และไบต์แดนซ์ (ByteDance) บริษัทแม่สัญชาติจีนของติ๊กต็อก ได้ยื่นฟ้องรัฐบาลสหรัฐฯ ฐานใช้กฎหมายบีบให้ไบต์แดนซ์ขายกิจการติ๊กต็อก มิฉะนั้นจะถูกสั่งห้ามใช้งานทั่วสหรัฐฯ
อนึ่ง โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้ลงนามร่างกฎหมายสั่งห้ามใช้งานติ๊กต็อกเมื่อเดือนก่อน หลังร่างกฎหมายดังกล่าวผ่านการลงมติเห็นชอบจากทั้งสองสภาของรัฐสภาสหรัฐฯ
รายงานระบุว่า ติ๊กต็อกยื่นคำร้องต่อศาลอุทธรณ์สหรัฐฯ ประจำเขตโคลัมเบียเซอร์กิตว่า สภาคองเกรสได้ดำเนินมาตรการที่ไม่เคยมีมาก่อนเพื่อกีดกัดและสั่งห้ามใช้งานติ๊กต็อก ซึ่งชาวอเมริกัน 170 ล้านคนใช้งานเพื่อสร้างสรรค์ แบ่งปัน และดูวิดีโอผ่านทางอินเทอร์เน็ต พร้อมเสริมว่านับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่สภาคองเกรสออกกฎหมายกำหนดให้แพลตฟอร์มสำหรับการแสดงออกเพียงแพลตฟอร์มเดียวถูกห้ามใช้งานถาวร และห้ามชาวอเมริกันทุกคนมีส่วนร่วมในชุมชนออนไลน์ที่มีผู้ใช้มากกว่า 1 พันล้านคนทั่วโลก
ติ๊กต็อกชี้ให้เห็นในคำร้องว่ากฎหมายการปกป้องชาวอเมริกันจากแอปพลิเคชันที่ควบคุมโดยปรปักษ์ต่างชาติ (Protecting Americans from Foreign Adversary Controlled Applications Act) นั้นขัดต่อรัฐธรรมนูญ โดยกฎหมายดังกล่าวให้เวลาไบต์แดนซ์เพียง 270 วันในการจำหน่ายติ๊กต็อกให้ผู้ซื้อที่ไม่ใช่สัญชาติจีน และมีความเป็นไปได้ว่าจะขยายเวลาเพิ่มอีก 90 วัน หากประธานาธิบดีสหรัฐฯ พิจารณาว่ามีความจำเป็น
ติ๊กต็อกเสริมว่าการเรียกร้องให้ “จำหน่ายกิจการที่มีคุณสมบัติครบถ้วน” ตามร่างกฎหมายดังกล่าวเพื่อให้ติ๊กต็อกสามารถดำเนินการต่อไปในสหรัฐฯ นั้นเป็นไปไม่ได้ทั้งในเชิงพาณิชย์ เชิงเทคโนโลยี และเชิงกฎหมาย
การสั่งห้ามใช้ติ๊กต็อกโดยอ้างข้อกังวลด้านความมั่นคงของชาติอย่างไม่มีมูลเพียงเพราะแอปนี้เป็นกิจการสัญชาติจีน ทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางจากหลายฝ่ายทั้งในและนอกสหรัฐฯ โดยผู้คนตั้งคำถามถึงแรงจูงใจของสหรัฐฯ ที่อยู่เบื้องหลังการขัดขวางแอปยอดนิยม และก่อให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับสิทธิตามรัฐธรรมนูญ ตลอดจนการละเมิดหลักการแข่งขันอันเป็นธรรม
ที่มา/ภาพสำนักข่าวซินหัว