พนักงานกว่า 30 คนของ บริษัทไบต์แดนซ์ (ByteDance) และ ติ๊กต็อก (TikTok) ซึ่งเดินทางมาจากประเทศจีนเข้าสหรัฐอเมริกา ถูกเจ้าหน้าที่หน่วยงานศุลกากรและป้องกันชายแดนสหรัฐฯ (CBP) ในสังกัดกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิสอบปากคำ
ตามรายงานของนิตยสารฟอร์บส์ พนักงานเหล่านี้ถูกสอบปากคำด้วยรายการคำถามที่จัดสรรมาโดยเฉพาะ เช่น พวกเขามีความเกี่ยวข้องพรรคคอมมิวนิสต์จีนหรือไม่ รวมถึงคำถามที่ว่า ไบต์แดนซ์ และติ๊กต็อกเข้าถึงข้อมูลของผู้ใช้แพลตฟอร์มติ๊กต็อกในอเมริกาอะไรบ้าง โดยฟอร์บส์อ้างแหล่งข่าวที่ใกล้ชิดกับเรื่องนี้ แต่ไม่ประสงค์ระบุนาม
นอกจากนั้น พนักงานซึ่งอยู่ในหลากหลายทีมงาน และหลายคนเป็นชาวจีน ยังถูกสอบปากคำเกี่ยวกับการศึกษาและการมีสายสัมพันธ์ทางการเมือง ตลอดจน โครงการเทกซัส (Project Texas) ซึ่งเป็นแผนการสำคัญยิ่งของติ๊กต็อกในการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลผู้ใช้แพลตฟอร์มติ๊กต็อกในอเมริกาไม่ให้รั่วไหลไปยังประเทศจีนได้
ด้านโฆษกของ CBP กล่าวกับบิสซิเนสอินไซเดอร์ว่า CBP ได้รับมอบหมายภารกิจในการพิทักษ์ปกป้องพรมแดนของชาติและบังคับใช้กฎหมายในการเดินทางเข้าประเทศ โดยนักเดินทางต่างชาติทุกคนที่พยายามเข้าสหรัฐฯ รวมถึงพลเมืองสหรัฐฯ ทุกคนจะต้องถูกตรวจสอบ
ทั้งนี้ ติ๊กต็อกซึ่งเป็นแพลตฟอร์มแชร์วิดีโอสั้นยอดนิยมกลายเป็นข้อวิตกกังวลด้านความมั่นคงของสหรัฐฯ เนื่องจากมีไบต์แดนซ์ บริษัทเทคโนโลยีของจีนเป็นเจ้าของ ซึ่งต้องอยู่ภายใต้กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติของจีน ซึ่งติ๊กต็อกอาจถูกบังคับให้มอบข้อมูลของผู้ใช้งานให้แก่รัฐบาลจีน โดยร่างกฎหมายบังคับให้ไบต์แดนซ์ ขายกิจการติ๊กต็อกที่อยู่ในสหรัฐฯ ภายใน 270 วัน หรือ 9 เดือนได้มีการลงนามรับรองบังคับใช้เป็นกฎหมายโดยประธานาธิบดี โจ ไบเดน เมื่อสัปดาห์ก่อนเป็นที่เรียบร้อย ภายใต้กฎหมายฉบับนี้ หากไบต์แดนซ์ไม่ปฏิบัติตาม แพลตฟอร์มติ๊กต็อกจะถูกถอดออกจากแอปสโตร์ของแอปเปิลและกูเกิล อย่างไรก็ตาม ติ๊กต็อกประกาศต่อสู้คัดค้านกฎหมายฉบับนี้ในชั้นศาล โดยอ้างว่าเป็นกฎหมายที่ละเมิดบทบัญญัติในการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญสหรัฐฯ ครั้งที่ 1 (First Amendment) ซึ่งห้ามรัฐสภาผ่านกฎหมายใดๆ ที่เป็นการลดทอนเสรีภาพในการพูดการแสดงออกของประชาชน
ฟอร์บส์ตั้งข้อสังเกตว่า การสอบปากคำครั้งนี้คล้ายกับที่วุฒิสมาชิกทอม คอตตัน ตั้งคำถามกับนายโจวโซ่วจือ ซีอีโอของติ๊กต็อก ในการไต่สวนของสภาคองเกรสเมื่อเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา โดยครั้งนั้น นายโจวได้กล่าวเตือนสตินายคอตตันอยู่หลายครั้งว่า ตัวเขานั้นเป็นชาวสิงคโปร์
ที่มา : บิสซิเนสอินไซเดอร์